Day 9 (อาทิตย์ 21 ธันวาคม 57) : Sea Paradise – Yokohama Hakkeijima
วันนี้ตอนแรกเตยแพลนว่าจะไป 2 ที่ ช่วงเช้าไป Anpanman Museum – Yokohama ส่วนช่วงบ่ายไป Sea Paradise แต่พอเอาเข้าจริง วันนี้เป็นวันไปเที่ยววันสุดท้าย ซึ่งทั้งทริปแอบเหนื่อยแล้ว ก็เลยอยากให้น้องอณิสบายๆ หน่อย สุดท้ายเลยเลือกไปที่ Sea Paradise ที่เดียว เพราะถ้าเทียบระหว่าง 2 ที่ น้องอณิน่าจะชอบไปดูสัตว์มากกว่า
website ของ Sea Paradise ตามนี้ค่ะ http://www.seaparadise.co.jp/english/ ที่นี่มีทั้งส่วนของสัตว์น้ำซึ่งจะแบ่งเป็นโซนๆ 4 โซน (Aqua Museum, Dolphin Fantasy, Umi Farm, Fureal Lagoon) และสวนสนุก Pleasure Land ค่ะ
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟจาก Shinjuku ลงสถานี Yokohama ต่อรถไฟไปลงสถานี Shin-Sugita
จาก hyperdia จาก Shinjuku ไป Yokohama เค้ามีให้ซื้อ Green Seat เตยก็เลยซื้อตั๋วที่ Suica Office รายละเอียดตามที่เคยเขียนไว้วันที่ไป Motherfarm ค่ะ
ตอนไปรอรถไฟที่สถานี Shinjuku เราเดินหาจุดที่จะขึ้นตู้ Green Seat ไม่ทันค่ะ รถมาซะก่อน (ในรถขบวนนึง จะมีตู้ Green Seat อยู่ไม่กี่ตู้ เราต้องไปยืนจุดที่เค้าบอกที่ชานชาลาว่าตรงไหนเป็นจุดที่ตู้ Green Seat จอด) ถ้าใครที่หาจุดขึ้นไม่ทันแบบเตย แนะนำว่าขึ้นตู้ไหนไปก่อนก็ได้ค่ะ แล้วเดินไปหาตู้ Green Seat ข้างในเอาค่ะ ตู้ Green Seat เค้ามีประตูปิดไว้ เราเปิดเข้าไปนั่งได้เลยค่ะ) แต่ความจริงจาก Shinjuku ไป Yokohama วันอาทิตย์แบบเตย ไม่ต้องซื้อ Green Seat เพิ่มก็ได้นะคะ เพราะรถค่อนข้างว่าง ตู้ธรรมดาก็มีที่นั่งเยอะค่ะ และนั่งไป Yokohama ก็ไม่นานมากด้วย
พอถึงโยโกฮาม่าเราจะลงที่ Track9 แล้วไปต่อสายไป Shin-Sugita ที่ Track3
แผนผังสถานีรถไฟ Yokohama ค่ะ
ลงที่ Shin-sugita แล้ว เปลี่ยนเป็นสาย Seaside line จะมีป้ายบอกทางชัดเจนค่ะ
ถึงที่ Seaside line เราต้องซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ เที่ยวละ 310 เยน จะซื้อแบบไปกลับทีเดียวเลยก็ได้ค่ะ เค้ามีให้เลือก
จากสถานี Shin-Sugita เราต้องขึ้น Seaside Line ไปลงสถานี Hakkeijima
รอรถค่า
ถึงสถานี Hakkeijima จะเจอบันไดทางลงเพื่อไป Sea Paradise ชัดเจนค่ะ (แต่เราก็เดินไปหาลิฟท์ลงตามเคย)
หน้าสถานี ถ้าเดินไปข้างหน้าอีกนิดจะติดทะเล วิวสวยค่ะ
ก่อนไปแวะดูวิว ซ้ายมีจะมีร้านขายขนมเล็กๆ
เราเดินไปหาวิวนั่งทานข้าวเช้าที่ซื้อมาจาก Lawson และไอศกรีมจากร้านตะกี้กัน
ที่นั่งทานข้าวเช้าของเราเกร๋ๆ
มีนกน้อยมาเยี่ยมๆมองๆ อยากทานข้าวด้วย
ความจริงถ้าไปถึงด้านหน้าของ Sea Paradise เค้าก็มีอาหารขายนะคะ จะไปหาอะไรทานที่ด้านหน้าก็ได้ค่ะ แต่ตรงนี้บรรยากาศดีจริงๆ
อิ่มกันแล้วก็เดินต่อไป Sea Paradise ค่ะ
ใครไม่อยากเดิน เค้าก็มีรถรับส่งตรงนี้ค่ะ เสียคนละ 100 เยน แต่เราก็เดินชมวิวกันไปค่ะ ไม่ได้นั่งรถ
ด้านหน้าจะมีที่ซื้อบัตรค่ะ ราคาบัตรก็จะมีทั้งแบบรวมส่วนของสัตว์น้ำ 4 โซน และ เครื่องเล่น เป็นแบบ 1 day ticket หรือเราจะเลือกแบบเข้าเฉพาะโซนสัตว์น้ำ หรือเฉพาะเครื่องเล่นก็ได้ค่ะ เตยเลือกแบบเข้าเฉพาะโซนสัตว์น้ำไม่รวมเครื่องเล่น ถ้าเราจะเล่นเครื่องเล่นก็จ่ายเป็นอย่างๆไปค่ะ บัตรเฉพาะโซนสัตว์น้ำราคาผู้ใหญ่คนละ 3,000 เยน น้องอณิไม่เสียเพราะยังไม่ 4 ขวบค่ะ
โซนแรกที่เราไปคือ โซน Aqua Museum จะเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทั่วไป มีตู้ปลาขนาดใหญ่ มีหมีขาว นกเพนกวิน
ที่โซนนี้ ชั้นบนจะมีการแสดงของสัตว์น้ำ เช่น โลมา แมวน้ำ สิงโตทะเล
พอจบการแสดง เราก็เดินต่อไปที่ Fureal Lagoon (จริงๆ Dolphin Fantasy ใกล้กว่า แต่ยังไงไม่รู้ เตยเดินเลยไปอันไกลสุดก่อน)
ที่โซนนี้มีบ่อ โลมา วาฬสีขาว ให้จับได้ โดยเราจะต้องล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อน
นอกจากโลมา วาฬ แล้ว โซนนี้ก็มี นกเพนกวิน แมวน้ำ ให้ดูด้วยค่ะ แล้วก็ยังมีส่วนของบ่อน้ำตื้นๆมีพวกปลาต่างๆ และปลาดาวหลายชนิด เด็กๆสามารถลงไปเดิน และจับได้ แต่ต้องล้างมือล้างเท้าก่อนลงไปในบ่อ
ออกจากโซนนี้ เราก็แวะไปดูที่โซน Umi Farm ที่นี่เค้าให้คนเข้าชมสามารถหัดตกปลาที่เค้าเลี้ยงไว้ในบ่อได้ (พวกเราได้แต่ไปเดินดูผ่านๆ เพราะแนวนี้เตยไม่ปลูกฝังน้องอณิให้จับสัตว์ค่ะ)
นอกจากจะจับปลาแล้ว เค้ายังมีบริการเอาปลาที่จับมาสั่งทำเป็นเมนูอาหารด้วย ><” เก็บภาพมาให้ดูนะคะ ส่วนบ้านเราขอบาย
ค่าทำอาหารต้องจ่ายเพิ่มต่างหากตามเมนู
พอออกมาจากโซน Umi Farm ใกล้ๆ กันมีเรือปลาโลมาให้ขับเล่น แต่เราไม่ได้ซื้อบัตรเครื่องเล่น เลยต้องไปซื้อตั๋วที่ตู้ค่ะ ผู้ใหญ่คนละ 500 เยน ที่ตู้กดก็เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ก็เดาๆ เอาค่ะ
เตรียมตัวขึ้นเรือค่ะ
เรือโลมาที่นี่ ตอนแรกนึกว่าเรือถีบเหมือนบ้านเรา ที่ไหนได้เป็นเรือขับด้วยเครื่องยนต์ค่า น้องอณิจับพวงมาลัยเองเลย
เล่นเรือเสร็จก็ไปโซนสุดท้าย Dolphin Fantasy ด้านในเป็นบ่อปลาโลมาใหญ่ๆ มีปลาโลมาว่ายไปมาเยอะค่ะ ไปเดินดูเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษค่ะ
ก่อนกลับมีเครื่องเล่นอยู่ก่อนทางออก เลยแวะเล่นเครื่องเล่นหยอดเหรียญซะหน่อย ส่วนเครื่องเล่นอย่างอื่นถ้าเราจะเล่นต้องจ่ายเพิ่ม
ปิดท้ายด้วยจ่ายเพิ่ม 500 เยน นั่งม้าหมุน แม่ได้แต่ยืนเฝ้าข้างๆ นะคะ เด็กเล็กเค้าไม่ให้แม่นั่งม้าด้วย
กลับละค่ะ
นั่งรถไฟกลับมาที่สถานี Shin-Sugita ต้นสาย Seaside line สถานีรถไฟเค้าก็มีจัด event คริสต์มาสด้วยค่ะ
แถมแจกของที่ระลึกให้ด้วยค่ะ
ขากลับก็นั่งรถไปลงที่ Yokohama แล้วต่อรถไป shinjuku เหมือนเดิมค่ะ
เรากลับมาทานอาหารค่ำที่ชินจูกุค่ะ ออกจากสถานีทางออก East .. โอ้โหคนเยอะสุดๆ ไปเลย เลยเดินมั่วๆเลี้ยวเลาะไปทางขวา เจอตึกนึงข้างบนมีร้านอาหาร เลยมั่วๆ ขึ้นไปค่ะ (คือทริปนี้ไม่สามารถแนะนำเรื่องร้านอาหารได้ค่ะ มั่วตลอด บอกทางไปไม่ได้ ดูขำๆ แล้วกันนะคะ)
มั่วไปมาได้ทานร้านนี้ค่ะ ยินดีต้อนรับเด็ก ^^ มีโลโก้เป็นรูปกระต่ายน่ารักๆ
แล้วเราก็เดินมั่วๆ วนกลับที่พักค่า .. วันนี้ก็เป็นอีกวันที่น้องอณิ happy ค่ะ เที่ยวทั้งวันไม่เหนื่อยเลย
รวมค่าใช้จ่ายของ Day 9
1. Lawson 836 เยน
2. ค่ารถไฟไปกลับ Sea Paradise 2,880 เยน
3. ค่า Green Seat 1,100 เยน
4. ค่ารถไฟไปกลับ Seaside Line 1,240เยน
5. ค่าไอติม+ค่าน้ำ 910 เยน
6. ค่าเข้า Sea Paradise 6,000 เยน
7. ค่าไก่ป๊อบตอนดูโชว์ 500 เยน
8. ค่าถ่ายรูปที่ตู้ 800 เยน
9. ค่าเล่นเรือโลมา 1,000 เยน
10.ค่าเล่นม้าหมุน 500 เยน
11.ค่าเล่นหยอดเหรียญ 500 เยน
12. ค่าข้าวเย็น ร้านโลโก้กระต่าย 7,730เยน
13. 711 ค่าอาหารเช้าพรุ่งนี้ 1,000 เยน
รวม 24,996 เยน
****************************************************************************
Day 10 (จันทร์ 22 ธันวาคม 57) : Last day in Tokyo (Shopping+Airport)
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้ค่ะ เป็นวันเดียวที่จะได้ซื้อของค่ะ ช่วงเช้าเราไปแวะซื้อของที่ร้านขายยาที่เป็นที่รวมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของญี่ปุ่น เตยเอาร้านใกล้ที่พักค่ะไม่ต้องเลือกมาก เดินผ่านทุกวันค่ะ แล้วก็เดินไปตึก Takashimaya (ตึกที่เราเดินผ่านเพื่อไปขึ้นรถบัสไปดิสนีย์) เค้าว่ามี Bao Bao อยู่ชั้น 5 เราก็ลองไปดู เผื่อจะได้อะไรติดมือกลับบ้านมั่ง
ไปเจอ shop เรียบร้อย แต่ๆๆ ของแทบไม่มีค่ะ เหลือแต่สีขาวดำครีม แบบปกติ ก็เลยไม่ได้ซื้อมาค่ะ
ที่ตึกนี้เค้ามี Disney Store ด้วยนะคะ อยู่ชั้นไหนจำไม่ได้แล้วค่ะ แต่น้องอณิก็สอยของมาอีก สาวก Disney Animator ก็ลองมาหาดูได้ค่ะ มีหลายตัวเลย อาจไม่ครบแต่ก็เยอะอยู่ค่ะ
เดินดูของพอเป็นกระสัย เราก็รีบกลับไปแถวที่พักเพื่อทานข้าว และไปเอากระเป๋าที่โรงแรมไปรอขึ้นลีมูซีนบัสค่ะ
ทานข้าวที่ร้านซูชิที่เดินผ่านทุกวัน
เครื่องบินเราบินไฟล์ TG677 บิน 17.30น. เราจองลีมูนซีนบัสรอบบ่ายโมงค่ะ ตอนแรกตอนซื้อตั๋ว คนขายบอกว่าเดินทางประมาณ 1 ชม. เราก็กะว่าคงถึงซักบ่าย2นิดๆ .. ที่ไหนได้รถติดมากค่ะ ถึงบ่าย 3 เลย .. ใครจะใช้ลีมูซีนบัสต้องเผื่อเวลาหน่อยนะคะ
ลีมูซีนบัสจะจอดส่งที่ Terminal2 ก่อน แล้วค่อยไปที่ Terminal1 ค่ะ .. เตยไปขึ้น TG ต้องขึ้นTerminal1 ไปถึงก็ได้เวลาเช็คอินพอดี เช็คอินเสร็จเหลือเวลาก่อน boarding ประมาณ ชม.นิดๆ ด้วยความที่เตยไม่ได้ซื้อของอะไรเลยทริปนี้ เลยคาใจอยากไปดูกระเป๋าอีกซักที แต่ shop baobao เค้าอยู่ Terminal2 เราก็เอาน่ะ ลองไปดูน่าจะทัน แยกกับลูกเลยทีเดียว ให้น้องอณิไปดูของข้างในกับป่ะป๊า แล้วค่อยไปเจอกันที่เกท
จากTerminal 1 เราต้องลงไปขึ้นรถฟรีบัสที่ชั้น 1 ป้ายหมายเลข 6 และไปลงที่Terminal2 ที่ป้ายหมายเลข8
ร้านอยู่ชั้น 4 ห้องที่ 31 ตรงที่มีหัวใจค่า
ในที่สุดก็ได้มา 1 ใบ ที่นี่มีแบบมากกว่าในเมืองหน่อยค่ะ .. ขากลับก็มาขึ้นที่เดิมป้ายเบอร์ 8 ลง terminal1 ป้ายเบอร์6 รวมระยะเวลาไปกลับไม่นานค่ะ ประมาณไม่เกินครึ่งชม.
แต่ตอนเข้าเนี่ยค่ะติดตรงเช็คพาสปอร์ต ตรวจกระเป๋าถือนานมาก แถมการบินไทยก็เกทอยู่ไกลมาก กว่าจะผ่านเข้าไปได้ก็ได้เวลา Boarding ไปพักนึงแล้ว วิ่งจนเหนื่อยเกือบไม่ทันค่ะ ถ้าใครจะวิ่งไปซื้อกระเป๋าแบบนี้ขอให้เผื่อเวลามากกว่าเตยอีกซักครึ่งชม.น่าจะโอเคค่ะ หรือไม่ก็มาให้ถึงสนามบินก่อนเวลาเปิดเคาน์เตอร์เช็คอินเปิดน่าจะดีกว่าค่ะ ได้ไปดูกระเป๋าแล้วยังได้ดูของข้างในสบายๆ
รวมค่าใช้จ่ายของ Day 8
1. ค่าอาหารกลางวันร้านซูชิ 2,460 เยน
2. ค่าไอติม 7-11 432 เยน
3. ค่าน้ำเปล่า 340 เยน
รวม 3,232 เยน
ทริปนี้ก็จบลงด้วยความสนุกของน้องอณิ + ความเหนื่อยของคนเป็นพ่อแม่ค่ะ แต่เห็นลูกมีความสุข เราก็มีความสุขแล้วค่า ไว้มีโอกาสไปเที่ยว
ที่ไหนอีก จะมาแชร์ประสบการณ์อีกนะคะ .. ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^