Day 7 (ศุกร์ 6 พฤษภาคม 59) : ออกเดินทางย้ายจาก Osaka ไป Narita / เที่ยวเมืองเก่าซาวาระ (Little Edo, Sawara)
วันนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ เนื่องจากเราจะย้ายจากเมืองโอซาก้า ข้ามไปนาริตะ โดยสายการบิน Peach Airline เที่ยวบิน MM311 เวลาเครื่องออก 7.05 น. ที่ Kansai International Airport terminal 2
ตอนแรกกะว่าจะนั่งชินคันเซนจากชินโอซาก้าไปค่ะ แต่เนื่องจากทริปนี้เตยไม่ได้ซื้อ JR Pass (เพราะดูแล้วไม่คุ้มค่ะ) และไม่ได้จะเข้าโตเกียวเลยค่ะ ถ้านั่งชินคันเซนเราต้องนั่งรถไฟขนกระเป๋าจากนัมบะไปชินโอซาก้า แล้วต้องไปต่อรถไฟในโตเกียวอีกหลายต่อเพื่อไปถึงโรงแรมเราที่ Makuhari ในชิบะ กว่าจะไปถึงก็คงไม่ได้ไปเที่ยวไหนคงต้องเข้าโรงแรมเลย พอดีคุยกับเพื่อนเค้าบอกว่าขึ้นเครื่องไปราคาถูกกว่านั่งชินคันเซน พอลองไปคิดดูก็เห็นว่านั่งเครื่องถูกกว่าและสะดวกกว่ามากค่ะ เพราะโรงแรมเราติดท่ารถ OCAT อยู่แล้วนั่งไปสนามบินสะดวกไม่ต้องขนกระเป๋า แล้วเราเลือกไฟล์เช้าถึงที่นาริตะเรายังมีเวลาเที่ยวต่อก่อนจะเข้าโรงแรมอีกด้วยค่ะ
เตยซื้อตั๋วจากเวปไซต์ของสายการบิน ตามนี้ค่ะ http://www.flypeach.com/pc/en
ค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับ 3 คน อยู่ที่ 21,290 เยน ค่ะ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2000 นิดๆ ต่อคนค่ะ
เราควรไปถึงสนามบินอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเครื่องออกค่ะ จาก Namba เราเลือกขึ้นลีมูซีนบัสเหมือนตอนขามาค่ะ โดยต้องขึ้นรถที่ท่ารถ OCAT ที่รอบเช้าสุดของวันค่ะ ซึ่งก็คือรอบ 5.15น. และจะไปถึงสนามบิน 6.14น. ค่ะ
เราตื่นแต่เช้ามากกก เพื่อลงไป Check-out และเดินไปที่ OCAT เพื่อซื้อตั๋วรถบัสและรอขึ้นรถค่ะ น้องอณิเตยอุ้มขึ้นรถเข็นไปทั้งชุดนอนเลยค่ะ ไว้ค่อยไปล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนชุดที่สนามบินตอนรอขึ้นเครื่องทีเดียวค่ะ
ประตูตึก OCAT ตอนเช้าเปิดประมาณ 4.30น. ตอนแรกลงไปก่อนประตูยังไม่เปิดค่ะ มืดเชียว
เดินเข้าตึกไป เจอลิฟท์ขวามือ ที่ปกติเราสามารถลงไปใต้ดินเพื่อไปขึ้นรถไฟได้ แต่วันนี้เราไม่ขึ้นลิฟท์นี้ค่ะ เพราะลิฟท์จะไม่จอดชั้น 2 ซึ่งเป็นท่ารถ OCAT ค่ะ
จากแผนที่ เราต้องเดินตรงขึ้นไปก่อนค่ะ
เลี้ยวขวาเข้าซอกนี้ เพื่อไปขึ้นลิฟท์ค่ะ
ต้องไปรอรถที่เบอร์ 5 ค่ะ
ตรงข้ามที่รอรถเบอร์ 5 จะมีตู้ขายตั๋วรถอยู่ค่ะ เปิดให้ซื้อตั๋วเวลาตี 5 ค่ะ
พอได้เวลารถก็มาค่ะ นั่งรถประมาณ 1 ชม. ก็ถึงที่สนามบินนานาชาติคันไซ terminal 2
เข้าประตูไปปั๊บ รีบเลยค่ะ Domestic Flight เลี้ยวขวา เพื่อไปเช็คอินกับเครื่อง Kiosks
ด้วยความรีบ เตยเลยไม่มีเวลาถ่ายหน้าจอ Kiosk ในแต่ละช่วงมาให้นะคะ เอาเป็นว่าถึงแล้วก็เอาบาร์โค้ดที่เราปริ๊นไว้สแกนเข้าไปเลยค่า
ได้ Boarding Pass มาแล้ว ก็เอากระเป๋าไป Check in ขึ้นเครื่องค่ะ ต้องฝากกระเป๋าอย่างช้าสุด 20 นาทีก่อนเครื่องออกนะคะ
เรียบร้อย เราก็เข้าไปรอด้านในค่ะ สายการบินในประเทศเค้าไม่มีแยก Gate ด้านหน้านะคะ รอรวมๆกันหลายไฟล์เลยค่ะ
พอเค้าเรียกไฟล์เรา ค่อยเดินเข้าไปค่ะ ด้านในเป็นประตูแยกเดินออกไปขึ้นเครื่องอีกทีค่ะ
น้องอณิตื่นไปแปรงฟัน เปลี่ยนชุด เรียบร้อยแล้วค่ะ พร้อมเดินทางค่า
ไฟล์นี้เป็นไฟล์ที่เดินทางได้สบายที่สุดแบบไม่รู้เรื่อง แป๊บเดียวถึงเลย เพราะขึ้นไปนั่งปั๊บหลับสนิทกันทั้งครอบครัวค่ะ 55 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30ชม. ก็ถึงสนามบินนาริตะ Terminal 1 South wing ค่ะ
เราลงไปชั้น 1 เพื่อไปฝากกระเป๋าเดินทางไว้ก่อน ก่อนจะไปเที่ยวซาวาระกันค่ะ
ลงลิฟท์มา หันหน้าออกไปด้านหน้าตึก เดินไปทางซ้ายมือค่ะ จะเห็น Baggage Storage ซ้ายมือด้านในค่ะ
ฝากกระเป๋าเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปเที่ยวเมืองเก่าซาวาระกันค่ะ เตยได้แรงบันดาลใจจากการอ่านรีวิวของคุณ rararasummer ใน Pantip กระทู้นี้ค่ะ http://pantip.com/topic/31615811 รอบนี้เลยขอตามรอยนะคะ
จากที่ฝากกระเป๋า เราเดินต่อไปทางซ้ายมือ ลงไปชั้นล่าง (B1F) เพื่อไปขึ้นรถไฟค่ะ
พอลงไปชั้นล่าง เตยเจอเจ้าหน้าที่ดูแลให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวพอดีค่ะ เป็นคุณลุงสูงอายุแล้ว แต่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเลยค่ะ เตยถามทางไป JR เจ้าหน้าที่ก็พาเดินนำไปเลยค่ะ สบายเราค่ะ ^^
เดินเลยทางเข้าสถานี JR ไปนิดนึง เพื่อไปซื้อตั๋วที่ JR Ticket ก่อนค่ะ คุณลุงเจ้าหน้าที่มาส่งถึงที่เลยค่ะ
ซื้อตั๋วไปซาวาระ คนละ 670 เยนค่ะ จากสถานี Narita Airport Terminal 1 เราต้องนั่งไปเปลี่ยนสายที่สถานี Narita แล้วค่อยไปลงปลายทางที่สถานี Sawara รวมระยะเวลาเดินทางประมาณ 70 นาที แต่จริงๆการเดินทางไปซาวาระ ถ้าดูแค่ระยะเวลานั่งรถไฟจริงๆ ไม่ถึงชั่วโมงค่ะ แต่จะค่อนข้างเสียเวลาในการรอรถตอนเปลี่ยนสายประมาณครึ่งชม.ค่ะ
เข้าสถานีแล้ว ลงบันไดเลื่อนไปรอที่ Track2 เลยค่ะ
เจอแผนที่รถไฟไปซาวาระในอินเตอร์เนตนะคะ จำไม่ได้ว่าเซฟมาจากที่ไหนค่ะ ต้องขออภัยที่จำเวปไซต์สำหรับเครดิตไม่ได้ค่ะ
ถึงสถานี Narita แล้วค่ะ
รอต่อรถที่ Track 5 ค่ะ
มีเวลารอรถครึ่งชม. ไม่มีอะไรทำก็ถ่ายรูปกันไปค่ะ
นั่งรถต่อมาอีกครึ่งชม. ก็ถึงสถานี Sawara ค่ะ
จากสถานี เราเดินตรงไป เพื่อจะไปเช่าจักรยานที่ Information Center
ตอนแรกกะว่าจะเช่าจักรยาน 2 คัน ให้น้องอณิซ้อนท้าย ขี่ชิลล์ๆ ชมเมือง แต่ๆๆๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีจักรยานที่ให้เด็กซ้อนได้ค่ะ เพราะถ้าจะให้เด็กนั่ง ต้องมีที่นั่งคล้ายๆ คาร์ซีทติดที่จักรยาน เท่านั้นค่ะ เด็กถึงจะซ้อนท้ายได้ ผิดแผนเลยค่ะ เพราะบอกน้องอณิไว้แล้วว่าจะได้ขี่จักรยาน น้องอณิเลยออกอาการงอแงเล็กๆ เตยเลยตัดสินใจขอเช่าจักรยาน 1 คัน เพราะยังไงน้องอณิซ้อนไม่ได้เราเลยต้องเอารถเข็นไปด้วย เลยขี่จักรยานได้แค่คนเดียว อีกคนต้องเข็นรถเข็น
ที่เช่ามาก็ให้น้องอณินั่งแล้วเข็นให้คุณเธอได้อารมณ์นั่งจักรยานซักเล็กน้อย ถ่ายรูปพอฟินๆ ว่าเราได้ขี่จักรยานชมเมืองนะคะเนี่ย ><
ค่าเช่าจักรยาน 500 เยน แถม Wifi ฟรีให้ด้วยค่ะ
ถ้าเราหันหน้าเข้า Information Center ตามรูปด้านบน ให้เลี้ยวซ้ายค่ะ
พอถึงสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายอีกทีค่ะ
ก่อนถึงทางรถไฟ เลี้ยวขวาเดินเลียบทางรถไฟไปค่ะ
เดินตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวโค้งขวาข้างหน้าก็จะเจอเลียบคลองเข้าเขต Little Edo แล้วค่ะ
ตอนที่มาถึง ฟ้าครึ้ม แต่ยังไม่มีฝนค่ะ คนน้อยมากๆๆๆ เลยค่ะ เดินกันแบบโล่งสุดๆ
ระหว่างที่เริ่มถ่ายรูปเก็บภาพกันอยู่ ก็มีคุณตาชาวญี่ปุ่นใจดีเอาดอกไม้กระดาษมาให้น้องอณิค่ะ น่ารักมากๆ เลยค่ะ
มาช่วงนี้อากาศไม่หนาวค่ะ กำลังเย็นสบายๆ
ได้นั่งจักรยานสมใจน้องอณิแล้ว ก็ลงมานั่งรถเข็นต่อค่ะ 55 เอาจริงๆ เช่าจักรยานมาเข็นแท้ๆ ค่ะ ><‘
เห็นเรือที่เราหมายมั่นปั้นมือว่าจะมานั่งกันละค่ะ
จากที่เราเดินอยู่ฝั่งนี้ เราก็เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งนึงค่ะ เพราะฝั่งนี้ตอนที่เตยไปเค้าทำถนนกันอยู่ค่ะ
เดินไปเรื่อยๆ ก็ผ่านร้านเครื่องประดับจากแก้ว ที่เห็นจากรีวิวของคุณ rararasummer แล้วค่ะ เรียกว่าเตยเดินตามรอยกันติดๆ เลยค่ะ ^___^
หน้าร้านมีถังโชยุ (เป๊ะเว่อร์ตามที่อ่านมาค่ะ อิอิ)
เดินเลยไปอีกนิด เริ่มหาร้านทานข้าวกันค่ะ เพราะตั้งแต่เช้าลงจากเครื่องเรายังไม่ได้ทานอาหารจริงๆจังๆ เลยค่ะ พอมองหาร้านเท่านั้นแหล่ะค่ะ อุ๊ต๊ะ! เจอร้าน Mougins รีบบอกปะป๊าเบิ้ลแบบไม่ลังเล เอาร้านนี้แหล่ะ มันคือร้านที่อ่านเจอในรีวิวเลยอ่ะจ้า โชคดีที่เรามาแบบไม่ได้จอง แต่ยังมีที่นั่งให้เราที่ชั้น 2 ของร้านค่ะ สงสัยเพราะวันนี้คนน้อยมากๆ จริงๆ ค่ะ
เตยสั่งเป็น Lunch set 2 เซต ปลาเซตนึง หมูเซตนึง แล้วก็สั่ง Pasta มาให้น้องอณิค่ะ
คือปลาไม่รู้อร่อยมั้ยลืมถามปะป๊าน้องอณิค่ะ แต่หมูของเตยอร่อยมากค่ะ
ค่าอาหารมื้อนี้อยู่ที่ 6,200 เยน ค่ะ
ออกจากร้านอาหารแล้ว ก็เดินไปต่อค่ะ
เจอร้านสานๆ ตรงแยกค่ะ เราข้ามถนนไปฝั่งนู้น กะว่าจะไปนั่งเรือก่อนเลยค่ะ
ไปถามซื้อตั๋วขึ้นเรือได้ที่โต๊ะซ้ายมือนี้ได้เลยค่ะ แต่ตอนเตยไปถามจะนั่งเรือ คุณลุงเค้าบอกว่าต้องรอน้ำอีกซักพัก สื่อสารแบบเดาๆกันอ่ะนะคะ จับใจความได้ว่าน้ำในคลองน้อย ต้องรอปล่อยน้ำมาอีกซักพัก ไม่รู้เข้าใจผิดมั้ย แต่สรุปว่าให้กลับมาใหม่อีกประมาณครึ่งชม. ค่ะ แต่เตยก็เดินถ่ายรูปแถวๆ นั้น ไม่ได้ไปไหนไกลค่ะ
ตรงข้ามโต๊ะขายตั๋ว คือท่าน้ำเพื่อลงเรือค่ะ
ถัดจากตึกโต๊ะขายตั๋วขึ้นเรือ ไปอีกนิด มีให้เข้าไปชมบ้านโบราณสมัยเอโดะ เข้าชมฟรีค่ะ
ออกมาถ่ายรูปเล่นรอเวลาขึ้นเรือกันต่อค่ะ
ข้ามสะพานไป เราก็เจอบ้านที่ใช้เป็นฉากในเรื่อง Tokyo Band Wagon ค่ะ ขอย้ำอีกซักรอบว่าวันนี้คนน้อยมาก ถ่ายรูปแบบไม่มีใครเลยค่ะ
เดินเลยบ้านหลังที่ใช้ถ่ายหนังเข้าไปหน่อย ที่นี่เค้ามี Museum ด้วยนะคะ แต่ตอนเตยไปเหมือนเค้าจะปิดค่ะ
เดินกลับมาตรงสะพานอีกที คุณลุงขับเรือก็มาตามว่าลงเรือได้แล้ววววว
ซื้อบัตร 2 ใบ ใบละ 1,300 เยน ค่ะ
ตอนที่เตยกับอณิลงเรือกัน มีคุณลุงคุณป้าชาวชาวเรือมาส่งที่ท่าน้ำหลายคนเลยค่ะ คือน่ารักมากๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ มัวแต่รีบลงเรือ พอกลับมาถึงคุณป้าก็สลายหายตัวกันไปหมดซะแล้วค่ะ
ถอดรองเท้าก่อนเข้าไปนั่งตรงกลางเรือนะคะ
ได้นั่งเรือ น้องอณิยิ้มหวาน มีความสุขมากมายค่ะ
นั่งเรือไปซักพัก จนคุณลุงวนเรือกลับ ปรากฏว่าฝนดันลงมาปรอยๆ ค่ะ ความชิลล์หายไปทันที คุณลุงขับเรือก็รีบขับกลับให้แบบไม่เอ้อระเหยแล้วค่ะ -_-,
พอส่งเราเสร็จ พวกคุณลุงก็ขับเรือกลับไปเลยค่ะ สรุปว่านี่เป็นเรือเที่ยวสุดท้ายของวันนี้เลยค่ะ รู้สึกโชคดีมากๆ ที่ยังได้นั่งเรือ ไม่อย่างงั้นน้องอณิคงเซ็ง เพราะจักรยานก็ไม่ได้ซ้อน เรือก็ไม่ได้นั่ง แย่เลยค่ะถ้าเป็นแบบนั้น 55
เจอเด็กนั่งเรียนญี่ปุ่นเดินกลับจากโรงเรียนน่ารักมากๆ ค่ะ
เนียนๆ เข้าพวกค่ะ อิอิ
ตั้งแต่มาทริปนี้ยังไม่ได้ถ่ายฝาท่อที่ไหนเลยค่ะ ถ่ายเก็บที่นี่ไว้ซักหน่อย
ระหว่างทางเดินกลับ ผ่านร้านทำผมค่ะ .. คือเมืองนี้เก่าจริงๆ นะคะเนี่ย ขนาดร้านทำผมยังดูเก่าเลยค่ะ
เอาจักรยานไปคืนเรียบร้อย ก็กลับมารอรถที่สถานีซาวาระค่ะ
ขึ้นรถรอบ 15.56น. กลับไปที่ Narita Airport ค่ะ
ถึงที่สนามบิน ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วไปซื้อตั๋วขึ้นรถบัส Keisei ที่เคาน์เตอร์ จะอยู่ตรงข้ามกับจุดที่เราฝากกระเป๋าไว้ค่ะ ค่าตั๋วรถคนละ 900 เยน ค่ะ น้องอณินั่งตักไม่เสียเงินค่ะ
ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว เดินออกประตูไปด้านหน้าตึกเลยค่ะ
เราจะขึ้นรถบัสไปลงโรงแรม New Otani Makuhari ค่ะ รถบัสจอดให้ที่โรงแรมเลยค่ะ สามารถดูรายละเอียดรถบัสจาก Narita Airport ได้ตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.narita-airport.jp/en/access/bus/
ดูตารางเวลารถได้ตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.keiseibus.co.jp/index.html
รอที่ Bus stop No.5 ค่ะ เตยได้รอบรถพอดี ที่ 17.25น. ไม่ต้องรอนานมากค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงโรงแรมค่ะ
เนื่องจากโรงแรม Hotel New Otani Makuhari เป็น Tokyo Disney Resort Good Neighbor Hotel เลยจะมีรถรับส่งไป Tokyo Disney ฟรี ตามรอบเวลาค่ะ
สามารถเช็คโรงแรมที่มีรถรับส่งดิสนีย์ ได้ตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.tokyodisneyresort.jp/en/hotel/lists/
เราสามารถจองเวลาไปกลับดิสนีย์ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมได้เลยค่ะ เตยเลือกไปรอบเช้าสุด กลับรอบดึกสุดเลยค่ะ
ส่วนรถบัสไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับไทย ก็สามารถซื้อตั๋วได้จากที่นี่เลยเหมือนกันค่ะ เพราะมีรถบัสแวะมารับที่โรงแรมทุกวันตามรอบเวลาอยู่แล้ว ราคาคนละ 900 เยน เหมือนเดิมค่ะ
เช็คอินเรียบร้อย ขึ้นห้องไปพักผ่อนกันเลยค่ะ
โดยรวมห้องกว้างดีค่ะ มีตู้เสื้อผ้าค่อนข้างใหญ่ ความสะอาดใช้ได้ ลักษณะน่าจะเป็นโรงแรมเก่าที่มีการรีโนเวทบ้างแล้วค่ะ แต่ตอนจองห้องเหลือให้เลือกไม่มากค่ะ เลยไม่ได้ห้องที่เป็นเตียงเดี่ยวใหญ่ ได้ห้องเตียงคู่มาค่ะ แต่สามารถดันมาชิดกันได้ค่ะ
สำหรับข้าวเย็นวันนี้ ปะป๊าเบิ้ลออกไปสำรวจซื้อเข้ามาให้ค่ะ แต่ปะป๊าบอกว่าแถวโรงแรมไม่ค่อยมีร้านอะไรแนวสะดวกซื้อดีๆ เลยค่ะ แต่มาเจอว่าในโรงแรมมี Vending Machine ขายอาหารออกแนว 7-11 ย่อมๆ เลยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ชั้น 2 ชั้นเดียวกับ Sport Club ค่ะ เท่านี้เราก็อยู่ได้สบายๆ แล้วค่ะ
เอาล่ะค่ะ พักผ่อน เตรียมตัวตะลุย Tokyo DisneySea วันสุดท้ายก่อนจะบ้ายบายเจแปนค่ะ
********************************************************************
Day 8 (เสาร์ 7 พฤษภาคม 59) : Tokyo DisneySea
เนื่องจากทริปโตเกียวรอบที่แล้วเราเก็บ Tokyo Disneyland ไปแล้วถึง 2 วันเต็มๆ เรียกว่าเล่นครบเต็มอิ่มจุใจกันไปแล้ว ทริปนี้เราเหลือเวลาวันเดียว เลยเลือกไปเที่ยว Tokyo DisneySea แทน เพราะคราวที่แล้วพลาดที่ฝนตกและหนาวมาก รวมถึงน้องอณิยังเพิ่ง 3 ขวบกว่าเจอสภาพอากาศแบบนั้นไม่ไหวจริงๆค่ะ เลยได้เลยไม่กี่อย่าง แล้วก็ตัดสินใจกลับเลยค่ะ
ทริปนี้เตยเลยเตรียมตัวอย่างดี นั่งภาวนาอย่าให้ฝนตก 55 จริงๆ ก็มีเสียวนะคะ เพราะดูพยากรณ์อากาศแล้วเหมือนฝนจะตกๆวันนี้ แต่เอาเข้าจริงวันนี้อากาศดีไม่มีฝนเลยค่ะ โชคเข้าข้างเราแล้วววว
วันนี้ DisneySea เปิด 8.00-22.00น. ค่ะ เตยจองรถไปดิสนีย์รอบ 7.20น. กลับ 22.05น. ไว้ค่ะ
เดินไปรอรถทางประตูด้านข้างของโรงแรม (ประตูเดียวกับที่รถบัส Keisei มาส่งเมื่อวานค่ะ)
ขึ้นรถแล้วค่าาา
นั่งรถประมาณ 20 นาที ก็ถึงที่ดิสนีย์ซีค่ะ
ขากลับก็ต้องมาขึ้นรถที่นี่ค่ะ
วันนี้คนเยอะมากอยู่เหมือนกันค่ะ เตยซื้อบัตรเข้ามาเรียบร้อยแล้ว ก็ต่อแถวเข้าด้านในโดยใช้สแกนบาร์โค้ดที่เราปริ๊นมาค่ะ
แผนที่โซนต่างๆ ค่ะ ดูรายละเอียดแต่ละโซน ได้ตามเวปไซต์ของ Tokyo Disneysea ค่ะ http://www.tokyodisneyresort.jp/en/tds/
แพลนที่เตยวางไว้ในส่วนเครื่องเล่นที่น้องอณิที่สูง 108 cm เล่นได้ ก็วางไว้ตามนี้ค่ะ
1.โซน American Waterfront : Toy Story Mania / DisneySea Electric Railway ไปลงโซน Port Discovery
(จริงๆ โซนนี้ Tower of Terror น้องอณิก็เล่นได้แล้ว แต่เปิดคลิปตัวอย่างให้น้องอณิดู น้องอณิบอกไม่อยากเล่น กลัวเสียวเกินไปค่ะ )
2.โซน Port Discovery : StormRider / Aquatopia / DisneySea Transit Steamer Line
3.โซน Lost River Delta : ไม่มีอะไรเล่นได้ แต่มีจุดถ่ายรูปกับ Mickey, Minnie
4.โซน Arabian Coast : Jasmine’s Flying Carpets / Sindbad’s Storybook Voyage / Caravan Carousel
(ส่วน The Magic Lamp Theater เตยเลือกที่จะไม่เข้าเพราะค่อนข้างใช้เวลานาน)
5.โซน Mermaid Lagoon : Mermaid Lagoon Theater / Flounder’s Flying Fish Coaster / Scuttle’s Scooters / Jumpin’ Jellyfish / Blowfish Balloon Race/ The Whirlpool / Ariel’s Playground
6.โซน Mysterious Island : 20000 Leagues Under the Sea
7.โซน Mediterranean Harbor : Venetian Gondolas / Fortress Explorations
8.โชว์ : Crystal Wishes Journey / A Table is Waiting / Big Band Beat / Fantasmic / Sky High Wishes
กว่าจะได้เข้าด้านในก็ 8 โมงกว่าๆ แล้วค่ะ
เข้ามาช้า แล้วยังมัวถ่ายรูปอีกนิดหน่อย เราก็มุ่งหน้าไปโซน American Waterfront เพื่อที่จะไปกด Fastpass ของ Toy Story Mania …… รูปด้านล่างคือแถวที่ต่อเพื่อจะกด Fastpass ค่ะ คือตกใจมาก คนเยอะมาก แถวยาว แถวไกล มากค่ะ ที่ถ่ายมานี่ถือว่ามาค่อนทางแล้วนะคะ จริงๆ เตยต่อมาตั้งแต่ต้นทางเข้าโซน American waterfront เลยล่ะค่ะ -_-‘
ระหว่างที่เตยต่อแถวรอกด Fastpass เตยให้ปะป๊าเบิ้ลพาอณิไปเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นค่ะ
ใช้เวลาต่อแถวไปประมาณ 50 นาทีค่ะ ระหว่างที่รอใกล้จะถึงที่กด ก็ตุ้มต่อมลุ้นมากค่ะ เพราะป้ายที่โชว์อยู่บอกว่าคิวที่กดตอนนี้ถึงประมาณช่วงทุ่มครึ่งล่ะค่ะ คือจะเหลือถึงเรามั้ยเนี่ยยยย อารมณ์นี้อ่ะค่ะ ในที่สุดก็ได้กด fastpass ของ Toy Story Mania จนได้ เตยได้รอบเวลาประมาณ 20.00 – 20.45 น. ถ้าจำไม่ผิดนะคะ เตยลืมถ่ายรูป Fastpass มาค่ะ เมาคนค่ะ ><
ได้ Fastpass มาเรียบร้อย ก็ไปขึ้น DisneySea Electric Railwayไปลงโซน Port Discovery ตามแผนค่ะ
ถึงโซน Port Discovery เราก็ไปต่อคิวเล่น Aquatopia กันค่ะ ใช้เวลาต่อคิวไม่นานมากเท่าไหร่ค่ะ
ตอนแรกว่าจะไปต่อคิวเล่น StormRider ค่ะ แต่เห็นเวลาต่อคิวประมาณ 40 นาที ซึ่งพอๆ กับเวลาที่เตยจะกด Fastpass ได้อีกรอบค่ะ เลยคิดไว้ว่าเดี๋ยวค่อยย้อนมากด Fastpass อีกทีค่ะ เลยเดินไปโซน Lost River Delta ค่ะ
โซนนี้มีให้ถ่ายรูปกับการ์ตูนคาแรกเตอร์ 3 ตัวค่ะ เวลารอก็ตามรูปเลยค่ะ ตอนแรกอณิก็อยากเข้าไปรอถ่ายค่ะ แต่เตยบอกอณิว่าค่อนข้างเสียเวลา เราอาจจะไม่ได้ไปเล่นอีกหลายอย่างถ้าเราจะเข้าไปถ่าย อณิเลยยอมไม่เข้าไปค่ะ
เดินต่อมาที่โซน Arabian Coast ค่ะ โซนนี้เล่นได้ครบตามที่วางแผนไว้ค่ะ
Jasmine’s Flying Carpets
Sindbad’s Storybook Voyage
ออกมาเจอการ์ตูนคาแรกเตอร์ อณิไม่พลาดค่ะ เข้าไปรอถ่ายรูปด้วยอย่างไว
Caravan Carousel
เตยให้ปะป๊าเบิ้ลพาน้องอณิเล่นม้าหมุนค่ะ ส่วนเตยวิ่งไปกด Fastpass ของ Mermaid Lagoon Theater ค่ะ ตอนแรกเตยกะจะกลับไปกด StormRider แต่คิดอีกทีเอา Mermaid ก่อนค่ะ เพราะโชว์นี้พลาดไม่ได้จริงๆ ค่ะ ได้รอบ 12.00-12.20 มาค่ะ
ใน Fastpass เค้าบอกว่ากดได้อีกทีหลัง 12.00 ค่ะ เลยไว้ค่อยไปกด fastpass Stormrider ตอนออกจากโซน Mermaid Lagoon แทนค่ะ
กด Fastpass เสร็จ กลับไปหาน้องอณิ น้องอณิยังเล่นม้าหมุนไม่เสร็จเลยค่ะ รอพักนึงถึงจะลงมากัน 🙂
ออกมาที่โซน Mermaid Lagoon ค่ะ
Scuttle’s Scooters
จริงๆ ถัดไปถ้าจะเล่น Flounder’s Flying Fish Coaster ก็ต่อคิวเล่นได้สบายๆ ค่ะ รอแค่ประมาณ 20 นาที แต่พอบอกว่าเป็น Coaster น้องอณิบอกไม่อยากเล่นค่ะ บอกว่าเจ็บก้น สงสัยเข็ดจากตอนไปเล่นที่ USJ ค่ะ เลยพาเข้าไปด้านในของ Mermaid Lagoon ค่ะ
Ariel’s Playground
ได้เวลา 12.00 น. เราก็โชว์ Fastpass เข้าไปชม Mermaid Lagoon Theater
โชว์เรื่อง Little Mermaid เป็นโชว์ที่สวยงามไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ ดูโชว์นี้ก็คุ้มสุดๆเลยค่ะ
Jumpin’ Jellyfish
Blowfish Balloon Race / The Whirlpool ก็ได้เล่นครบเลยค่ะ สรุปว่าโซนนี้เก็บครบถ้วนตามแผนค่ะ
พักทานข้าวกันที่โซนนี้ค่ะ
ออกมาด้านนอก ป๊ะกับตัวการ์ตูนอีกแล้วค่ะ ^^
ออกมาเตยเดินย้อนกลับไปโซน Port Discovery เพื่อไปกด Fastpass StormRider ก่อนค่ะ ได้มารอบประมาณ 21.00-21.35 เลยค่ะ
ไปต่อกันที่โซน Mysterious Island เข้าไปเล่น 20000 Leagues Under the Sea ได้แบบแทบไม่ต้องรอคิวเลยค่ะ
เดินต่อไปที่ Mediterranean Harbor ค่ะ ตั้งใจจะไปเล่น Venetian Gondolas แต่คงใกล้จะมีโชว์เค้าเลยหยุดให้บริการชั่วคราวค่ะ เจ้าหน้าที่บอกเตยว่าให้มาอีกที 17.30น. ค่ะ
ดูเวลาแล้ว พอดีรอดูโชว์ Crystal Wishes Journey รอบ 16.30 น. ค่ะ
ถ้าไม่ได้ที่ดูด้านหน้าของเวทีโชว์ เตยแนะนำให้ไปยืนดูโซนด้านซ้ายของเวที (หันหน้าเข้าเวที) จนถึงช่วงสะพานที่จะข้ามไปทางโซน American Water Front ค่ะ จะเห็นตัวการ์ตูนมาเต้นริมทะเลสาป ได้ชัดกว่าฝั่งที่เตยยืนอยู่ตอนนี้ค่ะ
หลังจากดูโชว์จบ ประมาณ 17.00 น. เตยเห็นว่าเหลือเวลาที่เจ้าหน้าที่บอกว่าจะเปิดให้นั่งเรือ Venetian Gondolas ตอน 17.30 น. เตยเลยเดินไปที่ information ด้านหน้า เพราะเพื่อนเตยส่งแมสเสสมาบอกว่าช่วงนี้เค้าแจกสมุด Wish book เลยไปถามที่ Information สรุปว่าสามารถขอได้ที่ Information ด้านหน้าได้เลยค่ะ
ได้สมุดเรียบร้อย ก็เดินจะไปเล่น Venetian Gondolas พอไปถึงยังไม่ 17.30น. ดีเลย บอกต้องรอคิว 40 นาที .. เซ็งมาก ณ จุดนี้ค่ะ ไหนว่าเปิด 17.30น. -_-, เลยอารมณ์เสียไม่รอละค่ะ เดินไปเสี่ยงโชค lotto ดูโชว์ Big Band Beat ดันได้นั่งด้านหน้าแค่คนเดียวอีกค่ะ สรุปเลยตัดสินใจไม่ดูค่ะ ทีนี้ไม่รู้จะเล่นอะไรต่อเพราะเก็บหมดแล้ว เหลือแค่รอเข้าอีก 2 อย่างตามเวลา Fastpass ที่กดไว้ เลยกลับไปที่ Venetian Gondolas อีกรอบ ปรากฎว่าเค้าปิดเรียบร้อยแล้ว..สรุปว่าอดอีกค่ะ หึหึ
ถามน้องอณิน้องอณิบอกอยากดูโชว์ เลยไปดูเวลาค่ะ ว่าเหลือโชว์ไหนดูได้บ้างช่วงนี้ เลยไปรอดูโชว์ A Table is Waiting .. ช่วงที่รอนี่น้องอณิหลับพอดีค่ะ เตยเข้าไปรอตั้งแต่รอบก่อนหน้าจบค่ะ เพราะเห็นคนต่อคิวเข้าไปกันแล้ว รวมถึงน้องอณิหลับพอดี เตยเลยเข้าไปนั่งรอกันเกือบชม.ค่ะ พอโชว์ใกล้เริ่มค่อยปลุกน้องอณิค่ะ
A Table is Waiting เป็นโชว์ที่ดีและสนุกมากค่ะ ยิ่งได้ดูด้านหน้าด้วยยิ่งฟิน คุ้มกับการนั่งรอค่ะ
จบจากดูโชว์ A Table is Waiting ก็ไปรอดูโชว์ Fantasmic ที่โซน Mediterranean Harbor ค่ะ
ซื้อของกินไปนั่งกินระหว่างรอค่ะ แต่ระหว่างที่ปะป๊าเบิ้ลออกไปหาของกินให้อีกรอบ ขากลับดันโดนกั้นเข้ามานั่งด้วยกันไม่ได้ค่ะ เบิ้ลเลยต้องดูอยู่ไกลๆ ด้านหลัง แถมติดกล้องออกไปด้วยอีก มือถือเตยก็เมมเต็มถ่ายไม่ได้ สรุปโชว์นี้เลยถ่ายรูปมาได้ง่อยมากค่ะ ><
โซนนี้เตยว่าหาที่นั่ง ที่ยืน ทางด้านหน้า Harbor น่าจะดีสุดค่ะ เพราะเวลามองดูกราฟฟิกแล้ว น่าจะชัดเจนสุดเพราะเห็นจากด้านหน้าค่ะ ที่เตยนั่งมานั่งด้านข้าง กราฟฟิกหลายๆ อันดูไม่ชัดเลยค่ะ
หลังจากจบโชว์ Fantasmic ตอนเกือบ 20.30 น. เราก็วิ่งไปต่อคิวเล่น Toy Story Mania ที่เรามี Fastpass ค่ะ แต่ๆๆๆ ไปถึงตกใจมากค่ะ แถวยาวสุดๆๆ ไปเลย ขนาดแถว Fastpass นะคะ ยาวออกมาแทบจะประมาณช่วงที่เตยต่อคิวกด Fastpass เมื่อเช้าค่ะ กว่าแถวจะเดินไปถึงคนตรงบัตร เกือบไม่ทันเวลา 20.45น. ของเราค่ะ
พอเข้าไปได้แล้วยังต้องต่อคิวอีกนานอยู่ค่ะ แต่ถ้าแถว Standby ที่ไม่มี Fastpass นี่ แถวแทบไม่ขยับเลยค่ะ สุดๆไปเลยค่ะ Toy Story Mania
เล่นเสร็จออกมาเกือบ 21.30 น. แล้วค่ะ เราเหลือเล่น StormRider ที่กด Fastpass ไว้เป็นอย่างสุดท้ายค่ะ เข้าได้ถึงเวลา 21.35 น. จริงๆ ตอนแรกเตยไม่คิดว่า Toy Story จะใช้เวลาต่อคิวนานขนาดนี้ กะว่าซัก 21.00น. น่าจะไปเล่น StormRider ได้แบบชิลๆ ทีนี้ออกมาเวลานี้ เตยเลยลองรีบไปดูเผื่อฟลุ๊กค่ะ กะว่าถ้าเข้า Fastpass ไม่ทันก็ไม่เล่นแล้วค่ะ เพราะเดี๋ยวไม่ทันรถบัส
ทีนี้พอวิ่งไปถึงประมาณ 21.37 น. เจ้าหน้าที่กำลังจะปิดส่วน Fastpass พอดีเลยค่ะ เลยถามเค้าว่าเข้าได้มั้ยเลยเวลามานิสสสสนึง เจ้าหน้าที่ใจดีมากบอกว่าโอเค แล้วพาเข้าไปค่ะ อันนี้น้องอณิชอบมากค่ะ บอกว่าสนุกดีเหมือนจะโชคดีใช่มั้ยคะ
แต่ความโชคร้ายเกือบมาเยือนค่ะ จังหวะที่เตยเข้าไปเล่น StormRider เตยนึกว่ารอบรถบัสคือ 22.15น. แต่จริงๆคือ 22.05น. แล้ว Stormrider ก็เกริ่นก่อนให้เข้าไปนั่งเล่นอย่างนานค่ะ เล่นเสร็จออกมาก็ 21.55น.แล้ว เหลือเวลาวิ่งไปขึ้นรถแค่ 10 นาที แถมโซน Port Discovery นี่ก็เดินไกลพอสมควรเลยค่ะ เกือบถอดใจว่าไปไม่ทันรถแน่ๆ แล้ว .. แต่เราก็ยังมีความหวังค่ะ วิ่งสุดชีวิต พอไปถึงตรงที่รถจอดปุ๊บ รถเลี้ยวเข้ามาจอดปั๊บ แบบพอดีอย่างแรงค่ะ เราโดดขึ้นรถปุ๊บ รถออกปั๊บ สุดยอดมากเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาทัน แต่ขอบอกว่าเหนื่อยแทบตายค่ะ เข็ดอย่างแรงเลยค่ะ ลาไปด้วยความเหนื่อยค่ะคืนนี้
********************************************************************
Day 9 (อาทิตย์ 8 พฤษภาคม 59) : Narita Airport
วันนี้นอนเต็มที่ชดเชยความเหนื่อยจากเมื่อคืนค่ะ 55
เราจะเดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินไทย เครื่องออกเวลา 17.25น. ค่ะ เนื่องจากทริปนี้เราไม่ได้ย่างกรายเข้าไปห้างไหนเลยตลอดทั้งทริป ไม่มีโอกาสได้ช้อปปิ้งเลย เราเลยตัดสินใจว่าเราจะไปซื้อของที่สนามบินเลยทีเดียวค่ะ
ตอนแรกว่าจะขึ้นรถบัสรอบ 13.11น. แต่เปลี่ยนใจ check out แล้วเลื่อนมาขึ้นรอบ 11.56น.แทนค่ะ แล้วค่อยไปหาอะไรทานที่สนามบินค่ะ
ขึ้นรถบัสประตูด้านข้างโรงแรมเหมือนเดิมค่ะ
ถึงสนามบินประมาณเที่ยงครึ่งค่ะ เคาน์เตอร์เช็คอินยังไม่เปิดแน่นอน เลยเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ Baggage Storage ใกล้ๆ เคาน์เตอร์เช็คอิน แล้วไปเดินดูของค่ะ พอใกล้เวลาเคาน์เตอร์เปิดก็มาต่อคิวเช็คอินค่ะ โดยเตย check in ทาง app ในมือถือเหมือนเดิมค่ะ ตอนมาต่อคิวก็ต่อช่อง Internet Checkin เลยค่ะ เร็วกว่าเยอะค่ะ
พอผ่านตม. เข้าไปเรียบร้อยแล้ว ปกติเกทของการบินไทยจะอยู่เกท 46 เกือบสุดทางทางฝั่งขวาค่ะ แต่พอดีเพื่อนเตยฝากไปดูของที่ช้อป BAO BAO ค่ะ แทนที่เราจะเดินเลี้ยวขวาไปเกท 46 เราต้องเดินเลี้ยวซ้ายไปค่ะ
เดินตรงไปเรื่อยสักพัก ช้อป BAO BAO จะอยู่ด้านขวามือค่ะ
ซื้อเสร็จเรียบร้อยก็เดินย้อนกลับไปทางเกท 46 ค่ะ ข้อดีของการมาซื้อ BAO BAO ด้านนี้คือ เตยได้ซื้อขนมเครื่องสำอางค์จากฝั่งนี้ไปเลย คนน้อยกว่าฝั่งที่เลี้ยวขวาไปมากค่ะ ซื้อของเสร็จสบายๆ แล้วเดินตรงไปรอที่เกทเลยค่ะ
ทริปนี้ก็จบไปแบบสวยๆ ค่ะ เที่ยวได้ตามแผนที่วางไว้เกือบทั้งหมด น้องอณิก็สนุกมากเพราะได้ไปที่เที่ยวเด็กๆ หลายวัน ตารางเที่ยวคุ้มค่ากับจำนวนวันที่มามั้ย ถ้าดูเฉพาะเวลาที่เสียไปกับการเดินทาง หรือ เที่ยวบางที่ที่ไปได้แค่ที่เดียวในบางวัน ก็อาจมีบ้างค่ะ ที่รู้สึกว่าไปได้น้อยที่ แต่ด้วยความที่เรามีลูกที่ยังเล็ก และเป็นแผนที่เราวางไว้ตั้งแต่แรก เพื่อน้องอณิจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป ไม่ต้องเหนื่อยย้ายโรงแรมหลายๆที สำหรับเตยเตยว่าโอเคแล้วค่ะ
ในส่วนเรื่องของ Golden Week วันหยุดยาวของชาวญี่ปุ่นที่เตยแอบกังวลตั้งแต่ตอนจองโรงแรมว่าจะทำให้เราเที่ยวยากมั้ย คนเยอะเกินไปมั้ย เตยว่ารวมๆ เฉลี่ยแล้ว โอเคอยู่นะคะ อาจมีบางที่บางวันที่คนเยอะมาก แต่เตยก็ว่าก็พอไหวค่ะ จากแพลนที่ยังเล่นในแต่ละที่ได้ตามแผน เตยถือว่ามาเที่ยวช่วงนี้โอเคเลยค่ะ แถมอากาศไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปด้วยค่ะ เที่ยวสบายๆ
หวังว่ารีวิวของเตยจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆในการวางแผนเที่ยวครั้งต่อไปนะคะ
Bye Bye See you later kaaaaa ^_^
[…] ← รีวิว ทริปโอซาก้า ช่วง Japan Golden Week, May 2016 เฉพาะกิจสำหรับเด็กน้อย Part 3 : Kobe Anpanman Museum / Traffic Amusement Park / Osaka Aquarium Kaiyukan / Tempozan รีวิว ทริปโอซาก้า ช่วง Japan Golden Week, May 2016 เฉพ… […]