รีวิว ทริปโอซาก้า ช่วง Japan Golden Week, May 2016 เฉพาะกิจสำหรับเด็กน้อย Part 2 : Misaki Park/ Universal Studios Japan

Day 2 (อาทิตย์ 1 พฤษภาคม 59)  : สวนสนุกมิซากิ (Misaki Park)+ ทานอาหารเย็นที่ Dotombori

นู๋พร้อมออกเดินทางแล้วค่าาาา .. หน้ายังง่วงอยู่เลยค่ะ แต่ทริปนี้เราไม่ได้หักโหมมากนะคะ ตื่นประมาณ 7.30 ข้าวเช้าอาศัยอาหารที่ซื้อตุนไว้ค่ะ ไข่ต้ม กล้วย แซนวิส แค่นี้อณิก็อยู่ได้สบายๆ ล่ะค่า ..ออกจากโรงแรมแถวๆ ก่อน 9 โมงนิดนึงค่ะ

วันนี้เราจะพาน้องอณิไปเที่ยวสวนสนุกมิซากิกันค่ะ สวนสนุกนี้อยู่ที่สถานีรถไฟ Misakikoen (สาย Nankai) ซึ่งสถานีจะอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติคันไซที่เรามาเมื่อคืน จริงๆ ถ้าใครมาถึงไฟล์เช้า ฝากกระเป๋าที่สนามบิน แล้วไปเที่ยวสวนสนุกมิซากิ แถมใกล้ๆ สนามบินก็มี Rinku Town ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งด้วยค่ะ ตรงนี้อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเตยนะคะ แต่เตยเลือกเอากระเป๋าใหญ่เข้าที่พักให้เรียบร้อย แล้วค่อยตั้งต้นเที่ยว เลยต้องนั่งรถไฟย้อนกลับไปไกลพอสมควรค่ะ จากแผนที่รถไฟ โรงแรมเราอยู่ใกล้กับ JR-Namba ค่ะ เราต้องเดินไปที่ Namba (Nankai) ค่ะ

จากแผนที่ด้านบน เราต้องขึ้นรถไฟสายสีเขียวเข้มลงไปด้านล่างผ่านสนามบินค่ะ

จากโรงแรม ถ้าเดินออกประตูมา จริงๆจะมีบันไดเลื่อนลงไปชั้นใต้ดินได้เลยค่ะ แต่น้องอณิมีรถเข็นด้วย ปกติเลยเดินออกไปเข้าตึก OCAT แล้วค่อยลงลิฟท์ไปอีกทีค่ะ ลงลิฟท์มาก็จะเจอกับทางเข้าสถานี JR-Namba ค่ะ เราก็มองซ้ายหาป้าย Nankai Line เดินตามป้ายออกประตูเลี้ยวขวาไปค่ะ

เดินตามทางไปเรื่อยๆ ค่ะ ค่อนข้างไกลค่ะ

เดินซักพักก็จะถึงโซน Namba Walk

ผ่านตรงนี้ไปก็จะเจออุโมงค์ มีภาพวาดศิลปะสวยๆค่ะ มาถึงตรงนี้ก็ถูกทางแล้วค่ะ

หลังจากนั้นก็คอยมองป้าย Nankai Line เอาไว้นะคะ เพราะถ้าเผลออาจเดินเลยไปไกลได้ค่ะ

เจอทางขึ้นไปสถานีแล้วค่า เดินค่อนข้างไกลจริงๆ ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ค่ะ นี่ก็เป็นเหตุผลนึงที่เราเลือกนั่งรถบัสลีมูซีนมาจากสนามบินแทนที่จะนั่งรถไฟสาย Nankai มาค่ะ

วันนี้เราใช้บัตรเติมเงิน Kansai One Pass ในการขึ้นรถไฟค่ะ

ก่อนเดินทางเตยหาข้อมูลรถไฟจาก www.Hyperdia.com ไว้ก่อน ว่าเราต้องขึ้นสายไหนไปทางไหน พอถึงเวลาจริงๆ เราแค่เปลี่ยนเวลาให้พอดีกับที่เราจะขึ้นรถไฟค่ะ แต่ที่โอซาก้าเท่าที่หาเส้นทาง Hyperdia จะไม่บอกว่า Track รถที่จะออกอยู่ Track ไหน เราต้องรู้ว่า รถไฟมุ่งหน้าไปปลายทางที่ไหน กับจะเราขึ้นรถไฟ line ไหน แล้วไปดูที่สถานีเอาค่ะว่าต้องไปขึ้น Track ไหน ซึ่งบางทีก็แอบงงอยู่เหมือนกันค่ะ แนะนำว่าถ้ายังไงก็เอาเส้นทางจาก Hyperdia ไปถามนายสถานีเลยว่า รถออก track ไหน จะชัวร์และไม่เสียเวลาที่สุดค่ะ

อันนี้เป็นเส้นทางที่เตยเสิร์ชไว้ค่ะ จากสถานี Namba (Nankai) ไป Misakikoen(Osaka) จริงๆ เตยไม่ได้ Reserved Seat นะคะ พอดีตอนแคปมา ไม่ได้เปลี่ยนตรงช่อง Seat Fee

พอหา Track ได้แล้วก็ไปรอรถกันเลยค่า

ระหว่างนั่งรถไฟ น้องอณิก็ช่วงมามี๊เตยดูเส้นทางไปด้วยค่ะ 🙂

นั่งรถไฟตรงยาวโดยที่ไม่ต้องไปเปลี่ยนสายที่ไหนเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็ถึงสถานี Misakikoen ค่ะ

เดินตามป้ายทางออกค่ะ สถานีนี้ออกมาก็จะเจอกับทางเข้าสวนมิซากิเลยค่ะ มีป้ายบอกทางเป็นระยะ ไม่หลงแน่นอนค่ะ

ถึงปากทางแล้ว น้องอณิเห็นป้ายที่ให้เอาหน้าไปใส่ถ่ายรูปไม่ได้ค่ะ ต้องขอถ่ายกับทุกป้าย

แล้วเราก็ต้องเดินผ่านสวนไปสักพักนึงค่ะ ไม่ไกลมาก ก็จะเจอกับที่ขายตั๋วเข้าสวนสนุกค่ะ

ค่าตั๋วเข้าสวนสนุก ผู้ใหญ่คนละ 1,350 Yen ตั๋วเด็กราคา 700 Yen ค่ะ สวนสนุกเปิด 9.00 – 17.00น. ค่ะ

แผนที่ Misaki Park คร่าวๆ ค่ะ ที่นี่จะมีทั้งส่วนของสวนสนุกเครื่องเล่นต่างๆ แล้วก็ส่วนที่เป็นสวนสัตว์ย่อมๆ ค่ะ อารมณ์เหมือนเอาแดนเนรมิตร ผสม เขาดิน อ่ะค่าาา (เกิดทันแดนเนรมิตรกันมั้ยคะเนี่ย 55 บ่งบอกอายุมามี๊เตยมากๆเลยค่ะ อิอิ)

พอเดินเข้าไปก็จะเจอกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นนั่งปิคนิกกันตามใต้ร่มไม้ ดูแล้วน่ารักอบอุ่นมากๆ ค่ะ ที่ Misaki Park จะค่อนข้างเป็นที่เที่ยวแบบ Local หน่อยค่ะ ไม่ค่อยมีต่างชาติ มองๆดูแล้ว 95% น่าจะเป็นคนญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดค่ะ ไปแล้วได้บรรยากาศญี่ปุ่นๆ ดีค่ะ

เข้าไปแล้วไม่รอช้าค่ะ น้องอณิเริ่มหาของเล่นทันที อันแรกไปเจอกับม้าหมุนของเล่นโปรด ไปที่ไหนถ้ามีต้องได้ขึ้น

ที่นี่นอกจากจะเสียค่าเข้าแล้ว ก็จะต้องเสียค่าเครื่องเล่นที่เราจะเล่น เป็นอย่างๆ ด้วยค่ะ ราคาเฉลี่ยก็อยู่ประมาณ 300 Yen ต่อคนต่อการเล่น 1 ครั้ง เราจะจ่ายเป็นเงินสดเป็นครั้งๆ ไปก็ได้ หรือจะซื้อเป็นบัตรเติมเงิน ซึ่งจะมีหน่วยเงินเป็น mipo ก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่เห็นพ่อแม่เลือกซื้อเป็นบัตรเติมเงินให้เด็กถือเข้าไปต่อเครื่องเล่นเอง ก็สะดวกดีค่ะ อันนี้เป็นตัวอย่างของม้าหมุนค่ะ อณิขึ้นไปเล่นกับเตย โดนไป 2 คน 600 เยนค่ะ

ระหว่างที่กำลังมองๆว่าจะไปทางไหนต่อ ก็หันไปเห็นชาวญี่ปุ่นนั่งรอดูโชว์ที่เวทีกันค่ะ เค้านั่งกัน บ้านนี้ก็ไม่พลาด ไปรอดูกับเค้าบ้าง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะมีโชว์อะไร 55 ขอบอกว่าช่วงกลางวันๆ แบบนี้ แดดแรงมากกกเลยค่ะ เหมือนโดนเผาหลัง แต่เราก็ความพยายามเป็นเลิศค่ะ

ระหว่างรอ ปะป๊าน้องอณิก็ไปหาของกินมาให้ค่ะ แต่ๆๆๆ ทานได้แต่ข้าวโพดค่ะ อีก 2 อย่างไม่ถูกปากเจงๆ อันเหมือนลูกชิ้น คาดว่าจะเป็นโมจิจะหวานๆเค็มๆแปลกๆ ส่วนมันทอดก็ออกแนวมันฝรั่งเชื่อมค่ะ หวานไปนิสสำหรับเราค่ะ

ในที่สุดก็ได้ดูโชว์ละค่ะ เป็นโชว์ตัวการ์ตูนญี่ปุ่น คาดว่าเป็นหนักการ์ตูนดังนะคะ เพราะเพลงขึ้นปั๊บ เด็กๆ ญี่ปุ่น ร้องเต้นกันใหญ่  อณิก็พยายามโยกไปกับเค้าด้วย แต่พอดูไปสักพัก หลังจากน้องอณิได้ใช้ความพยายามจะสนุกเต็มที่แล้ว แต่ด้วยความที่นางไม่อินกับการ์ตูน ฟังก็ไม่ออก รวมถึงอิแม่ก็แอบเบื่อด้วยค่ะ สุดท้ายเราเลยตัดสินใจลุกไปดูอย่างอื่นจะดีกว่าค่ะ

จากเวที เราเดินเลาะไปทางซ้ายไปดูสัตว์ต่างๆ ก่อนค่ะ จำนวนสัตว์ก็พอมีให้เด็กดูฟินๆ ค่ะ ไม่ได้มีเยอะอะไร มีอย่างละไม่กี่ตัวค่ะ

มีที่สนุกสำหรับอณิ ก็ให้อาหารลิงเนี่ยล่ะค่ะ ไปหยอดเหรียญที่ตู้ อาหารจะออกมาเป็นเวเฟอร์ด้านในมีอาหารสัตว์ค่ะ

 

วิวขึ้นเนินมาสูงๆ ก็สวยเลยค่ะ ที่นี่

มีจุดจำลองรูปสัตว์ มีกิมมิกให้มาถ่ายรูปสนุกๆ ค่ะ

เรื่องแบบนี้อณิไม่พลาดค่ะ ต้องเก็บให้ครบทุกตัว ><

โซนสัตว์ก็มีสัตว์ให้ดูเพลินๆ หลายอย่างค่ะ จะมีช่วงที่ให้ป้อนอาหารสัตว์ แล้วก็ขี่ลา ด้วยค่ะ แต่เค้าจะมีเวลา น่าจะเป็นช่วง 13.00-15.00น. ถ้าจำไม่ผิดนะคะ พอดีตอนไปเวลาไม่พอดี แล้วก็ไม่ได้ย้อนกลับมาโซนนี้ค่ะ

ดูเวลาแล้ว ใกล้เวลาดูโชว์ปลาโลมาค่ะ เลยรีบเดินไปดูค่ะ ใช้เวลาเดินขึ้นเขาลงห้วยสักพักใหญ่ (ที่นี่กว้างจริงๆค่ะ) ก็ใกล้ถึงแล้วค่ะ ระหว่างทางก็จะผ่านรถไฟจำลอง ซึ่งจะให้เด็กขึ้นไปเรียนรู้การขับรถไฟเสมือนจริง จริงๆ น่าสนใจมากค่ะ แต่คิดแล้วว่าทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่น อณิไปเล่นคงไม่รู้เรื่อง เลยผ่านค่ะ

เดินต่อไปอีกหน่อย ก็ถึงจุดที่ดูโชว์ปลาโลมาแล้วค่ะ ด้านหลังจะเป็นวิวติดทะเล ประหนึ่งดูปลาโลมาโชว์พร้อมฉากหลังเป็นทะเลค่ะ ค่าดูโชว์คนละ 500 mipo ค่ะ เด็กก็ต้องจ่ายด้วยค่ะ

ตอนเตยไปถึงใกล้ได้เวลาโชว์แล้ว ที่นั่งเต็มหมดแล้วค่ะ เลยต้องไปยืนข้างหลัง ตอนแรกเห็นเสาว่าง เลยเอาอณิไปนั่งดูตรงเสา ที่ถ่ายมาเนี่ยอ่ะค่ะ แต่จริงๆ แล้วเค้าห้ามนั่งนะคะ แล้วคนญี่ปุ่นก็ไม่มีใครเอาเด็กนั่งเลยจริงๆ เคารพกฏกันดีมากๆ เลยค่ะ

โชว์โลมาที่นี่เค้ามุ้งมิ้ง น่ารัก แบบเจแปนนิสสไตล์จริงๆ ค่ะ วิธีการแนะนำตัว การพูด การแสดงมุ้งมิ้งมากค่ะ

ดูเสร็จก็บ่ายๆพอดี ได้เวลาไปเล่นของเล่นที่เหลือค่ะ สิ่งที่ต้องเล่น ถ้าน้องอณิรู้ว่ามี ก็คือชิงช้าสวรรค์ค่ะ

วิวสวยๆ ด้านบนจากชิงช้าสวรรค์ค่ะ

ของเล่นเด็กขนาดน้องอณิเล่นได้ที่นี่ก็มีหลายอย่างค่ะ ถีบจักรยานลอยฟ้า รถแบต … ของเล่นทุกอย่างต้องมีจ่ายเพิ่มนะคะ

บ้านบอล (น้องอณิเข้าไปเล่นนานมาก เสมือนไม่มีในเมืองไทย55)  เขาวงกต

เดินลงเนินมาอีกหน่อย ก็จะเจอเครื่องเล่นที่หวาดเสียวขึ้น

บอลน้ำ น้องอณิเล่นเองได้ค่ะ มีเจ้าหน้าที่ดูแลใกล้ชิดอยู่ในน้ำค่ะ

รถไฟเหาะสำหรับเด็กๆ อันนี้อณิเปรี้ยวมากค่ะ เตยให้ขึ้นเอง ไม่นึกว่าน้องอณิจะเลือกนั่งหน้าสุด นางกล้ามากค่ะ แต่ช่วยดูหน้านางตอนรถไฟวิ่งลงเร็วๆเสียวๆนะคะ เหวอมากๆ 555

มีของเล่นแบบญี่ปุ่นๆ ช้อนกระดาษ ที่เราเคยเห็นคนญี่ปุ่นเอาไว้ช้อนปลาในการ์ตูน อันนี้เค้าเอามาให้เด็กจับลูกเด้งแล้วเอาไปแลกของรางวัลค่ะ

น้องอณิใช้ความพยายามอย่างมากกก แต่ช้อนทีไรก็ขาดซะทุกที จนคุณลุงเจ้าของร้านบอกว่าให้เลือกลูกเด้งขึ้นมาเลย ซึ่งตรงนี้กว่าจะรู้เรื่องกันว่าคุณลุงจะให้ทำอะไรก็สื่อสารกันสักพัก คุณลุงพยายามจะพูดอังกฤษแล้วก็ทำท่าทางเอาค่ะ แล้วก็ให้น้องอณิเลือกของเล่นที่อยากได้มา 2 อย่าง น้องอณิชอบมากค่ะ เลยขอถ่ายภาพกับคุณลุงใจดีสักภาพนึงค่ะ

ก่อนกลับวันนี้ ปิดท้ายด้วยนั่งรถไฟเด็กเล็กโทมัสค่ะ

ถ่ายกับป้ายสวนสนุกหน้าสวนทางเข้า ก่อนจะไปขึ้นรถไฟกลับละค่ะ ถ่ายพร้อมกับของเล่นที่ได้มาจากคุณลุงญี่ปุ่นค่ะ ถือไม่ยอมวางเลย

สำหรับสวนสนุกมิซากิในช่วงวันหยุดยาว Golden Week ของชาวญี่ปุ่น เตยว่าคนไม่ได้เยอะมากจนรับไม่ได้ค่ะ รู้สึกเยอะปกติในการไปเที่ยวสวนสนุก การต่อคิวเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ก็ไม่ได้นานมากจนเกินไปค่ะ

ตอนเย็นเราจะไปเดินเล่นและทานข้าวเย็นที่ Dotombori กันค่ะ ซึ่งสามารถเดินไปได้จากสถานีรถไฟ Namba ดังนั้นขากลับเราก็นั่งจาก Misakikoen ไปลงที่ Namba(Nankai) เหมือนตอนขามาค่ะ

พอถึงที่สถานี ยังไม่ต้องขึ้นด้านบนค่ะ เดินจากใต้ดินก็สะดวกดี เดินจากสถานี Namba(Nankai) มุ่งหน้ามาทาง Namba Subway ค่ะ หาทางออก 25 หรือ 14 ค่ะ อยู่จุดเดียวกัน

ของเตยตอนที่ถ่ายรูปมา เลือกไปออกที่ทางออก 25 ค่ะ เดินไปแล้วต้องข้ามถนนไปฝั่ง Dotombori แต่จริงๆ ถ้าออกทางออก 14 ก็ไม่ต้องข้ามถนนค่ะ จะขึ้นไปฝั่งเดียวกับที่เราจะไปเลย  ซ้าย25 ขวา14 ค่ะ

พอขึ้นบันไดมา ไม่ว่าจะขึ้นจากทางออก 25 หรือ 14 โผล่ขึ้นไปแล้ว ให้กลับหลังหันแล้วเดินตรงไปค่ะ

อันนี้ทางออก 25 ขึ้นมาปั๊บ มองไปซ้ายมือฝั่งตรงข้าม จะเห็นตึก Namba Hips ค่ะ

พอกลับหลังหัน เราก็จะเห็นทางลงสถานีที่เราขึ้นมา กับ Royal Host ค่ะ

เดินตรงขึ้นไปสักพักก็จะเจอแยกทางข้าม

มองไปขวามือ เจอทางข้ามใหญ่ มองตรงไปลิบๆ ก็เห็นร้านปู ละค่ะ

จะเข้าซอยที่เห็นร้านปูแล้วเดินทะลุไป หรือจะไปเข้าอีกซอย ก็จะเจอสะพาน ที่เห็นป้ายกูลิโกะค่ะ

มาถึงแล้วก็ต้องถ่ายรูปตามระเบียบ เก็บไว้ให้น้องอณิดู ว่าเคยมาถึงแล้วนะจ้ะ ^_^

แล้วก็ต้องให้น้องอณิได้ลองดูย่างซักหน่อย เนื่องจากปะป๊าเบิ้ลกินแต่ปลา เลยหมดสิทธิ์เข้าไปกินในร้านปูยักษ์ค่ะ ซื้อปูย่างที่ขายหน้าร้านมาให้น้องอณิชิมค่ะ ปรากฏว่าอณิชอบค่ะ กินหมดเลย 2 กล่อง กล่องนึงมี 2 อัน 900เยน ค่ะ

เดินเล่นหาร้านทานข้าวค่ะ

เดินไปเดินมา เดินกลับมาทานที่ร้านตรงข้ามร้านปูยักษ์ค่ะ ลืมถ่ายรูปหน้าร้านมาค่ะ เมนูอาหารญี่ปุ่นหลากหลายอยู่ค่ะ สั่งเป็นซูชิเซท กับชาบูปูค่ะ

ร้านนี้เค้ามีเมนูของเด็กด้วยค่ะ

ราคามื้อนี้ประมาณ 5,700 เยน ค่ะ

ก่อนกลับเดินผ่านป้ายกูลิโกะ คราวนี้น้องอณิเก็ทแล้ว ว่าเค้ามาถ่ายกับป้ายกัน มองไปรอบๆ มีแต่คนถ่ายแล้วทำท่ากูลิโกะ น้องอณิเลยทำบ้างค่ะ 55  แถมยังเจอพี่คนไทยใจดีแถวสวยน่ารัก มาช่วยถ่ายรูปให้เราพ่อแม่ลูกด้วยค่ะ  คนไทยยังคงมีน้ำใจให้กันนะคะ

จากตรงนี้เราก็เดินไปที่พักได้ไม่ยากแล้วค่ะ เพราะโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เตยเลือกเดินกลับทางทางเดินใต้ดินตรงสถานีรถไฟเหมือนเดิมค่ะ แต่จริงๆ เดินจากข้างบนไปก็ไม่ไกลนะคะ อาจจะใกล้กว่าด้วยค่ะ วันนี้กลับไปพักผ่อนกันค่ะ พรุ่งนี้ศึกหนัก ตะลุย Universal Studios Japan ค่า

กลับถึงโรงแรมตายังใสอยู่เลยค่ะ พลังเหลือเฟือจริงๆ ส่วนมามี๊แทบสลบค่ะ -_-‘

 

********************************************************************

Day 3 (จันทร์ 2 พฤษภาคม 59)  : Universal Studios Japan

สำหรับบัตรเข้า Universal Studios เตยซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางค่ะ พอจองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมเรียบร้อย ก็ซื้อบัตร USJ 1 Day Pass จากเอเจนซี่เลยค่ะ เพราะเตยเลือกซื้อ Express Pass เพิ่มด้วย เพื่อที่จะได้จองเวลาเข้าโซน The Wizarding World of Harry Potter และน้องอณิจะได้ไม่ต้องรอคิวนานในเครื่องเล่นสองสามอย่างที่น้องอณิเล่นได้ด้วยค่ะ บัตร USJ เตยซื้อผ่าน S.B.A TRAVEL ค่ะ จริงๆก็มีหลายเจ้านะคะ ลองเลือกดูจากเวปของ USJ ค่ะ

https://www.usj.co.jp/e/travel/

ราคาบัตร  USJ 1 Day Pass เตยซื้อที่ราคาผู้ใหญ่ 2,250 บาท ราคาเด็ก 1,500 บาท ค่ะ

บัตร Express Pass จะมีหลายแบบให้เลือกนะคะ จะแบ่งตามจำนวนและประเภทของเครื่องเล่นค่ะ แต่ละแบบราคาก็จะต่างกันไปค่ะ ดูรายละเอียดได้ตามนี้ค่ะ

http://www.sbatravel.co.th/category.php?cat_id=37

ของเตยเลือกเป็น Universal Express® Pass 4~ Standard ~ ค่ะ ราคาคนละ 2,400 บาท ต้องซื้อ 3 คนราคาเท่ากันค่ะ เพราะเค้าไม่มีราคาเด็ก (ราคาบัตรจะขึ้นอยู่กับวันเข้าสวนสนุกและอัตราแลกเปลี่ยนค่ะ) สำหรับ Express นี้ สามารถเข้าเครื่องเล่นได้ตามนี้ค่ะ

1.จองเวลาเข้าโซน Harry Potter

2.Harry Potter and the Forbidden Journey™ in 4K3D (ระบุเวลาเครื่องเล่น)

3.The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D

4.JAWS® or Back To The Future® – The Ride or Backdraft® (อันนี้เลือกได้อย่างใดอย่างหนึงค่ะ)

5.Jurassic Park – The Ride® or Terminator 2:3-D® (อันนี้เลือกได้อย่างใดอย่างหนึงค่ะ)

เตยจ่ายเงินให้บริษัทผ่านการโอนค่ะ พอโอนเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่จะส่งเป็นอีเมล Express Pass มาให้ค่ะ เราจะปริ๊นเก็บไว้ด้วยก็ได้ค่ะ แต่ตอนที่เจ้าหน้าทีจัดส่งบัตรให้ เค้าก็จัดการปริ๊นเตรียมไว้ให้ด้วยเหมือนกันค่ะ ส่วนของเตยเตยเลือกไปรับเองที่บริษัทค่ะ เจ้าหน้าที่เตรียมบัตรเข้า พร้อมปริ๊น express pass ไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

หน้าตาบัตร Express Pass ที่ได้มาเป็นแบบนี้ค่ะ เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ทาง S.B.A เค้าจะปริ๊นใบภาษาอังกฤษแนบมาให้อีกใบค่ะ เราจะได้รู้ว่าในนั้นระบุว่าอะไรบ้าง รอบที่เตยจองเข้าโซน Harry Potter เตยจองไว้ที่ 9.30น. ค่ะ

เส้นทางที่จะไป USJ ในวันนี้สบายกว่าเมื่อวานมากค่ะ เพราะเราขึ้น JR-Namba ได้เลย ใกล้มาก ออกจากโรงแรม ลงไปชั้นใต้ดิน ก็เจอทางเข้า JR เลยค่ะ วันนี้เรายังใช้บัตรเติมเงิน Kansai One Pass เหมือนเดิมค่ะ

แผนที่เดินทางวันนี้ค่ะ

จากรูปจริงๆ เราเลือกเส้นทางได้ 2 เส้นค่ะ จะไปทาง JR ก็ได้ หรือจะไปทาง Hanshin-Namba Line ก็ได้ค่ะ แต่เตยเอาแบบไหนๆเราอยู่ใกล้ JR มากกกก ก็ขึ้น JR ซะหน่อยค่ะ

หาตารางรถไว้จาก Hyperdia ค่ะ เพราะดูไว้ว่าวันนี้เปิด 8.30-21.00 น. แต่เอาเข้าจริง ตื่นสายค่ะ กว่าจะได้ขึ้นรถไฟก็ 8 โมงละค่ะ  จาก JR-Namba ไปเปลี่ยนสายที่ Imamiya ไปลงที่ Nishikujo แล้วนั่งไป Universalcity อีกทีค่ะ

ถึง Universalcity ก็เดินตามเค้าออกไปค่ะ คนเยอะแบบไม่หลงแน่นอนค่า

 

ออกจากสถานี ก็เดินตามหมู่คนไปเรื่อยๆค่ะ สองข้างทางจะเป็นร้านค้าร้านอาหาร บางร้านก็จะจัดตกแต่งมีกิมมิกของ Universal

เห็นทางเข้าไกลๆ ละค่ะ

เรามีบัตรเรียบร้อยแล้ว ก็ไปต่อแถวเข้าเลยค่ะ แต่ขอบอกว่ามาสายนี่คนต่อคิวเยอะพอสมควรเลยค่ะ พยายามเดินไปทางขวาๆ มือนะคะ คนจะเบากว่าด้านซ้ายนิดนึง ใช้เวลาต่อแถวเข้าด้านในประมาณ 10 นาทีค่ะ

สำหรับการเล่นในสวนสนุกที่คนเยอะๆ แบบนี้ เตยวางแพลนสำหรับอณิว่าจะเล่นอะไรบ้าง ไปโซนไหนก่อน ต่อด้วยโซนไหน ตั้งแต่ตอนวางแพลนเที่ยวเลยค่ะ อาศัยดูรายละเอียดจากเวปไซต์ของ USJ ค่ะ https://www.usj.co.jp/e/attraction/ เราสามารถเข้าไปดูทั้งรายละเอียดเครื่องเล่นว่าลูกสามารถเล่นอะไรได้บ้าง โชว์ที่เราสนใจจะดูมีอะไรบ้าง และมีเครื่องเล่นหรือโชว์อะไรที่ปิดในช่วงที่เราไปบ้าง ซึ่งการวางแพลนในส่วนนี้ จะช่วยประหยัดเวลาที่ใช้ในสวนสนุกได้เยอะเลยค่ะ

สามารถ download แผนที่ของ USJ ได้จากเวปเหมือนกันค่ะ https://www.usj.co.jp/e/common/studiomap.html

สำหรับน้องอณิ สูง 108 ซม. เตยวางไว้ว่าเราจะเข้าไปแต่ละโซนตามลำดับและเล่นเครื่องเล่น ตามนี้ค่ะ

1. Universal Wonderland เป็นเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็ก สามารถเล่นได้เกือบทุกอย่างเลยค่ะ

2. The Wizarding World of Harry Potter โซนนี้เราซื้อ Express pass ไว้ เข้าตามเวลา9.30น.

เครื่องเล่น : Flight of the Hippogriff ต่อคิวเล่นปกติค่ะ  (ส่วนเครื่องเล่นยอดฮิต Harry Potter and the Forbidden Journey™ in 4K3D เรามี Express Pass แต่ต้องสูง 122ซม. ขึ้นไปถึงจะเล่นได้ค่ะ บ้านเราเลยเลือกไม่เล่นอันนี้ค่ะ เพราะน้องอณิเล่นด้วยไม่ได้ แล้วมามี๊ปะป๊าก็ไม่อยากสลับกันเข้าไปเล่นคนเดียวด้วยค่ะ

3. Anity Village เครื่องเล่น : JAWS เตยเลือกใช้ Express Pass ค่ะ

4. Jurassic Park เครื่องเล่น : Jurassic Park – The Ride เตยเลือกใช้ Express Pass ค่ะ

5. Sanfrancisco เครื่องเล่น : Back To The Future® – The Ride อันนี้ต่อคิวเล่นปกติค่ะ เพราะใช้ Express Pass เลือกเล่น JAWS ไปแล้ว

6. New York เครื่องเล่น : The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D ใช้ Express Pass ค่ะ อันนี้น้องอณิสนุกมากเลยค่ะ พอเล่นเสร็จมีบอกว่าอยากเล่นอีกค่ะ

7. Hollywood ไม่มีเครื่องเล่นที่น้องอณิเล่นได้ค่ะ เดินเล่นอย่างเดียว

เนื่องจากลิสต์เครื่องเล่นไว้หลายอย่างพอสมควร เตยเลยไม่ได้ลิสต์ในส่วนของโชว์ไว้ค่ะ รอดู magical starlight parade ช่วงกลางคืนอย่างเดียวค่ะ

เอาล่ะค่ะ เกริ่นมายาวมาก ตามน้องอณิไปเล่นกันเลยค่ะ เดินเข้ามาก็เจอ Display ร้านขายของเป็นตัวการ์ตูนมินเนี่ยนยอดฮิต ขอถ่ายรูปด้วยซักหน่อยค่ะ

เนื่องจากว่าเรามาถึงสายกว่าที่คิดไว้ กว่าจะเข้ามาด้านในก็ประมาณ 9 โมงนิดๆ แล้วค่ะ ที่คิดไว้ว่าจะพาไปเล่นโซน Universal Wonderland ก่อน ก็ต้องข้ามไปค่ะ เพราะเราจองเวลาเข้าโซนHarry ไว้ 9.30น. จากจากเข้า ตามแผนที่เราเดินเลี้ยวขวาซอยแรกไปค่ะ จะผ่านโซน Hollywood และทางเข้าโซน Universal Wonderland ไปค่ะ

เดินไปอีกหน่อยก็จะเจอทางเข้าโซน The Wizarding World of Harry Potter ค่ะ

ก่อนถึงด้านใน เราจะเจอรถ Ford Anglia บินได้ของครอบครัววิสลีย์ ตัวเด่นจากเล่ม 2 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ

วันนี้มามี๊มาส่งแม่มดน้อยอณิไปโรงเรียนเวทมนต์ Hogwarts School of Witchcraft and Wizardry ค่า ขึ้นรถไฟ Hogwarts Express ไปนะค้าาา

ถึงปราสาท Hogwarts แล้วค่า

ถึงปั๊บก็ไปหาแฮกริดกับ Hippogriff กันค่ะ  .. กระท่อมของแฮกริดค่า

เดี๋ยวนู๋จะไปเล่น Flight of the Hippogriff อันนี้ล่ะค่ะ แค่ดูนู๋ก็เสียวละค่ะ -_-‘

เห็นเค้าเอาสูง 92 ซม. ขึ้นไป นึกว่าจะเด็กๆ ค่ะ เอาเข้าจริงก็เสียวและแรงใช้ได้เลยค่ะ อยากบอกว่าน้องอณินั่งหน้าสุดกับปะป๊าเลยค่ะ เนื่องจากปะป๊าตัวสูงขายาวมาก เจ้าหน้าที่เลยให้นั่งหน้าสุด แล้วน้องอณิก็ขอนั่งกับปะป๊าค่ะ

สำหรับ Flight of the Hippogriff เราไม่มี Express Pass ค่ะ ใช้เวลาต่อคิวประมาณ 40 นาที ค่ะ

พอเล่นเสร็จน้องอณิบอกว่าไม่อยากเล่นรถไฟเหาะแล้ว เลยถามว่าเพราะกลัวเหรอคะ น้องอณิบอกว่าไม่ได้กลัวค่ะ แต่นู๋เจ็บก้นค่าาาาา มันกระแทก .. น้องอณิบอกว่าคราวหน้านู๋ขอใส่แพมเพิร์สมาเล่นนะคะ จะได้ไม่เจ็บก้น 55 เพราะฉะนั้นใครเอาตัวเล็กไปเล่น อันนี้เป็นข้อแนะนำของน้องอณิค่ะ อิอิ

ว่าแต่โรงเรียนเค้ามีพาไป Field Trip ที่ Hogsmeade Village ด้วยนะคะ ^_^

เริ่มสาย อากาศเริ่มร้อน น้องอณิขอเปลี่ยนชุด แล้วไปลองดื่ม ButterBeer เย็นๆ ค่ะ

ตรงนี้ขอแนะนำว่า ถ้าเจอบู๊ธขาย ButterBeer แบบนี้ เค้ามีที่สั่ง+คิดเงิน 2 ฝั่งนะคะ ตอนเตยไปคนต่อแถวฝั่งด้านนอกยาวมาก แต่จริงๆ มีอีกข้างฝั่งด้านในที่ติดกำแพงก็สั่งได้เหมือนกันค่ะ

ButterBeer เย็นๆ มาเสิร์ฟแล้วค่า มีแบบปั่นกับไม่ปั่น ค่ะ ส่วนตัวเตยชอบแบบไม่ปั่นมากกว่าค่ะ

ระหว่างเที่ยวเล่น ก็มีสาวๆ หนุ่มๆ จาก โบซ์บาตงและเดิร์มสแตรงก์มาให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ แต่เสียดายที่ตอนเตยไปเค้าหมดรอบโชว์แล้ว น้องอณิเลยอดดู แต่ได้ดู Magic โชว์ จากนักเรียนฮอกวอตส์ค่ะ

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการมาเที่ยวโซนแฮรี่ก็คือ ไม้กายสิทธิ์ ค่าาาา ปะป๊ามามี๊ยอมเสียตังค์ถึง 4900 เยน สำหรับ Magic Wand ของนู๋อณิ เป็นของชิ้นที่แพงที่สุดสำหรับวันนี้เลยค่ะ น้องอณิเลือกไม้ของเฮอร์ไมโอนี่มาค่ะ (ตอนแรกจะเอาของลอร์ดโวลเดอมอร์มาก อิแม่แบบจะดีหราลูก ลองเลือกใหม่มั้ยคะ ><)

ปล.รูปเซ็ทไม้กายสิทธิ์เตยลืมถ่ายตอนซื้อค่ะ เลยเอามาถ่ายทีหลังที่บ้าน  ถุงจากร้าน Ollivanders เลยยับมากเลยค่ะ 😛

พอเราซื้อเสร็จเค้าจะมีแผนที่สำหรับจุดที่สามารถเอาไม้กายสิทธิ์ไปเสกคาถาได้แนบมาด้วยค่ะ แต่ละจุดก็จะมีคาถาและการใช้ไม้บอก แต่จริงๆ ก็มีเจ้าหน้าที่สอนค่ะว่าต้องทำไม้แบบไหน พูดคาถาไหนค่ะ

ที่นี่เค้าเก็บรายละเอียดจากหนังสือมาได้ครบถ้วนดีมากเลยค่ะ การตกแต่งจุดต่างๆ ทำได้ดี สวยงามมากค่ะ ขนาดหลังคาตรงจุดที่ดูไม่น่าจะมีอะไรมาก ก็ยังสวยแล้วก็มีดีเทลค่ะ

สำหรับโซนนี้ เราลาไปด้วยภาพร้านฮันนี่ดุกส์ กับ กบช็อกโกแลตที่น้องอณิสอยมาค่า

แกะช้อคโกแลตกบออกมาทาน คือใหญ่มากเลยค่ะ ขนาดอณิชอบช้อคโกแลต อณิทานไปครึ่งนึงบอกไม่ไหวแล้วค่ะมามี๊ 55

จบจากโซน The Wizarding World of Harry Potter แล้ว เราเดินวนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา ไปต่อที่โซน  Anity Village ตามแผนที่วางไว้ค่ะ ในโซนนี้น้องอณิสามารถเล่น JAWS ได้ อันนี้เด็กเล็กเล่นได้ค่ะไม่จำกัดความสูงแต่ต้องนั่งได้เองและต้องมีผู้ใหญ่ดูแลค่ะ

อันนี้เราเลือกใช้ Express Pass ค่ะ เดินเข้าช่องไปชิลๆ ใช้เวลาต่อคิวประมาณ 10 นาที ค่ะ

สำหรับ JAWS น้องอณิบอกว่าเป็นอันที่น้องอณิชอบมากที่สุดค่ะ เพราะสนุกและไม่เสียวเกินไปค่ะ

พอเล่นเสร็จ เราก็แวะทานข้าวกันที่ร้านอาหารในโซนนี้ค่ะ เรียบร้อยแล้วก็ไปต่อกันที่โซน Jurassic Park ค่ะ เราจะไปเล่น Jurassic Park – The Ride กันค่ะ เด็กต้องสูง 107ซม. ขึ้นไปค่ะ น้องอณิเข้าได้แบบพอดีเลยค่ะ

Jurassic Park-The Ride ก็เป็นเหมือนล่องแก่งเราดีๆ นี่เองค่ะ เริ่มต้นจากนั่งเรือชมไดโนเสาร์กันไป แล้วก็หล่นลงมาจากน้ำตก (สูงมว๊ากค่ะ) มามี๊กรี๊ดหลับตาสุดๆ น้องอณิออกมาบอกไม่ชอบเลยน้ำเข้าตานู๋ มามี๊ก็ อ้าวววว ขอโทษทีลูก มามี๊ลืมบอกว่าให้หลับตาด้วยตอนลงมา สรุปคือ อณิลืมตาลงมาถึงข้างล่างเลยค่ะ สามารถมากๆ อิแม่ทำไม่ได้นะคะแบบนี้

อ้อ ลืมบอกไปค่ะ เล่นอันนี้ก็ค่อนข้างเปียก เค้ามีล๊อกเกอร์ให้เช่าใส่ของค่ะ แล้วถ้าใครจะซื้อเสื้อพลาสติกกันเปียกก็หยอดเอาจากตู้ตรงทางเข้า ก่อนจะต่อคิวได้เลยค่ะ ชุดละ 400 เยน ค่ะ

สำหรับโซนนี้ ถ้าใครใจถึง ขอแนะนำ The Flying Dinosaur ค่ะ เป็นเครื่องเล่นใหม่ค่ะไปดูรายละเอียดกันในเวป USJ กันเอาเองเลยค่ะ https://www.usj.co.jp/e/attraction/jurassic-park-the-flying-dinosaur.html  อันนี้เด็กเล่นไม่ได้นะคะ ต้องสูง 132 ถึง 192 ซม. ถึงจะเล่นได้ค่ะ แต่แค่ดูเตยก็ไม่คิดจะขึ้นแล้วค่ะ หวาดเสียวมากๆๆๆ ค่ะ

ถัดไปเราจะไปกันที่โซน Sanfrancisco ค่ะ เพื่อที่จะไปเล่น Back To The Future® – The Ride ระหว่างเดินไป ด้านหน้าของโซนนี้ จะมีที่ที่สาวกมินเนี่ยนต้องกรี๊ดอยู่ค่ะ ทั้งซุ้มเล่นเกมส์ ร้านขายของมินเนี่ยน รวมถึงเวทีสำหรับแสดงโชว์มินเนี่ยน ด้วยค่ะ

สำหรับ Back To The Future® – The Ride เราต่อคิวปกติ ใช้เวลาต่อคิวประมาณ 45 นาที ค่ะ เล่นเสร็จปั๊บอณิอาการไม่มีอะไร แต่ปะป๊ามึนไปแล้วค่ะ เราเลยไปหาโค้กให้ปะป๊าเบิ้ลซะหน่อย เดินต่อไปเพื่อมุ่งหน้าจะไปโซน New York ระหว่างทางก็เจอซุ้มรถโค้กค่ะ เข้าทางแวะซื้อซะหน่อย

เราก็ เอ้…แค่ซื้อโค้กทำไมเค้าต่อแถวกันนานจัง ไปดูใกล้ๆ อ๋อ เค้าทำขวดโค้กเขียนชื่อเราเป็นที่ระลึกได้ ปะป๊าก็เลยจัดชื่ออณิ พร้อมใส่วันเกิดอณิ มาซักขวดค่ะ ราคาขวดละ 500 เยน พร้อมกระป๋องใส่ขวดค่ะ

ก่อนจะไปเล่นกันต่อ เราแวะพักให้ปะป๊าหายมึน เลยแวะทานพิซซ่าเป็นอาหารเย็นกันตอน 4 โมงกว่าๆ ในโซน New York ค่ะ

แวะเติมพลังแล้ว ก็ลุยกันต่อค่ะ เป้าหมายต่อไป The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D 

บรรยากาศโซน New York ค่ะ

The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D เด็กสูง 102ซม. เล่นได้ค่ะ เป็นอันที่น้องอณิชอบมากพอๆ กับ JAWS ค่ะ ไม่เสียวมากจนเกินไป ไม่เวียนหัวเท่าไหร่ค่ะ โดยรวมสนุกมาก อันนี้พลาดไม่ได้เลยค่ะ คุ้มกับที่เรามี Express Pass มากๆ ค่ะ ใช้เวลาต่อคิวไม่นานค่ะ

พอเก็บเครื่องเล่นตามที่เราลิสต์ไว้ได้ครบแล้ว เราก็เดินกลับไปเก็บโซน Universal Wonderland ที่เมื่อเช้าเราข้ามไปค่ะ โซนนี้สนุกตามสไตล์เด็กเล็กค่ะ

บรรยากาศในโซน Universal Wonderland ค่ะ

ขับรถนี่ถ้าอายุ 6 – 12 ขวบ จะมีส่วนที่เป็น Big Drive สนามใหญ่น่าเล่นมากค่ะ แต่น้องอณิยังต้องเล่นของเด็กเล็ก 3-5 ขวบ อยู่ค่ะ เลยไม่จุใจเท่าไหร่

เล่นรถไฟเหาะเล็กนี่ จะบอกว่าของเด็กไม่เสียวก็ไม่ใช่นะคะ รถไฟหวือหวาเอาเรื่องอยู่เหมือนกันค่ะ

โซนนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมาตอนช่วงเย็นแล้วรึเปล่านะคะ ต่อคิวของเล่นประมาณ 10-15 นาทีค่ะ อณิเล่นเก็บไปได้เยอะพอสมควร เหลืออีก 2-3 อย่างก็ครบโซนนี้ ก็ได้เวลาไปดู magical starlight parade ค่ะ เราเลยออกไปรอดูพาเหรดกันก่อน แล้วค่อยกลับเข้ามาเก็บเครื่องเล่นที่เหลือค่ะ

การอยู่โซนนี้เป็นจุดที่ดีค่ะ เพราะออกไปด้านหน้าทางเข้าโซน ก็เป็นเส้นทางพาเหรดพอดีค่ะ

เส้นทางพาเหรดค่ะ ที่วงสีแดงคือ Universal Wonderland ที่เราเล่นอยู่ค่ะ เตยเดินออกมายืนรอดูตรงลูกศรสีแดงค่ะ

เรายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม Mel’s Drive-in ค่ะ พาเหรดเริ่มถ้าจำไม่ผิดน่าจะแถวๆ 19.30น. ค่ะ

น้องอณิชอบดูโชว์ดูพาเหรดค่ะ ได้ดูก็ชอบค่ะ แต่เตยว่าความฟินที่ดิสนีย์แลนด์จะฟินกว่าค่ะ เพราะตัวการ์ตูนค่อนข้างจะมีคาแรกเตอร์ที่เด็กชอบและจำได้เยอะกว่าค่ะ ของ USJ จะไม่ค่อยมีตัวคาแรกเตอร์ที่เด็กจำได้เท่าไหร่ค่ะ แบบสไปเดอร์แมน มินเนี่ยน อะไรพวกนี้จะไม่มีในพาเหรดช่วง Starlight ค่ะ

ดูพาเหรดจบ เหลือเวลาเล่นต่ออีกประมาณ 40 นาทีค่ะ เลยกลับเข้าไปเก็บเครื่องเล่นในโซน Universal Wonderland ต่อค่ะ

ถ่ายรูปยามดึกก่อนกลับค่ะ

ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ถ่ายกับสัญลักษณ์ลูกโลกของที่นี่เลยค่ะ ถ่ายปิดท้ายตอนจะกลับได้มาแบบมืดๆ เบลอๆ แบบนี้ล่ะค่ะ ^___^

วันนี้ถือว่ามา USJ ครั้งนี้ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ค่ะ สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ครบตามที่คิดไว้ แต่ก็ใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนปิดเลยค่ะ เลยจนนาทีสุดท้ายจริงๆ ค่ะ

สำหรับขากลับ เราก็ขึ้นรถไฟจาก Universalcity ย้อนกลับไป JR-Namba เหมือนเดิมค่ะ

พรุ่งนี้ไปเที่ยวไหนต่อตามมาเลยค่า รีวิว ทริปโอซาก้า ช่วง Japan Golden Week, May 2016 เฉพาะกิจสำหรับเด็กน้อย Part 3 : Kobe Anpanman Museum / Traffic Amusement Park / Osaka Aquarium Kaiyukan / Tempozan