หลังจากที่ครอบครัวเราตัดสินใจที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองโดยไม่ไปกับทัวร์ เตยก็เริ่มหาข้อมูลว่าเราจะไปที่เมืองไหนดีที่เด็กน้อย 3 ขวบ 5 เดือน แบบน้องอณิจะไปเที่ยวได้เต็มที่ เราก็ได้ข้อสรุปว่าขอไปแค่แถวโตเกียวและเมืองรอบๆที่ไม่ไกลโตเกียวมากอีกซักที (หลังจากที่เคยพาน้องอณิไปญี่ปุ่น โตเกียว+เกียวโต แล้วตอน 2 ขวบกับญาติๆ แต่ตอนนั้นไม่ได้เตรียมข้อมูลอะไรไปเลย รวมถึงน้องก็ยังเด็กสนุกตามประสา แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก)
ตอนนี้น้องอณิรู้เรื่องขึ้นมาก อินมากกับเจ้าหญิงดิสนีย์ งานนี้ดิสนีย์ต้องมาแบบเต็มๆ ค่ะ Tokyo 2014 Trip เฉพาะกิจสำหรับเด็กน้อยเลยเกิดขึ้น เราเลือกไปเที่ยวปลายปีช่วงน้องอณิปิดเทอมค่ะ สรุปวันที่ไปทั้งหมด 9 คืน 10 วัน ระหว่างวันที่ 13 – 22 ธันวาคม 2557 เตยมีเวลาเตรียมข้อมูลการเดินทางทั้งหมดครึ่งปีพอดีค่ะ
ทริปของเราตามนี้ค่ะ Tokyo / Ghibli Museum / Sanrio Puroland / Tokyo Disneyland / Tokyo Disneysea / ตามหาฟูจิซังที่ Hakone + Kawaguchiko / Mother Farm – Chiba / Sea Paradise-Yokohama
ปล.1 ทริปนี้เน้นพาเด็กเที่ยว ไม่เน้นช้อปปิ้ง ไม่เน้นกิน (เนื่องจากคุณลูกสาวกินยากไม่อินกับการกิน ><‘) ไม่ได้ประหยัดมากเอาสะดวกเป็นหลัก
ปล.2 ก่อนที่จะเลือกไปเที่ยวที่ไหน การเช็คข้อมูลของแต่ละที่ก่อนจะดีมากเลยนะคะ อย่างของเตย ตอนแรกเตยตั้งใจว่าจะไปนิกโก้ 1 คืน เพื่อจะไปเที่ยวมรดกโลก และ เอโดะ วันเดอร์แลนด์ แต่ดีที่เตยเช็คก่อนที่จะซื้อบัตรเข้าเอโดะ วันเดอร์แลนด์ จากเอเจ้นท์ที่ไทย เนื่องจากช่วงที่จะไปเป็นช่วงที่เค้าปิดยาวเป็นเดือนเลยค่ะ .. เลยเปลี่ยนแผนไม่ได้ไปที่นิกโก้ค่ะ
ปล.3 ทริปนี้ไม่ได้ไป Fujiko F Fujio Museum (Doraemon Museum) เพราะไปมาปีที่แล้ว / ไม่ได้ไป anpanman museum yokohama ..จริงๆตั้งใจจะไปวันเดียวกับ Sea Paradise แต่เป็นวันสุดท้ายก่อนกลับ แล้วรู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว เลยเลือกไปที่เดียวค่ะ
ปล.4 การหาข้อมูลการเดินทางหลักๆ ต้องขอขอบคุณข้อมูลจากการรีวิวของชาวพันทิปค่ะ ไม่สามารถเครดิตได้ทั้งหมด เพราะตอนหาก็หาๆไปเก็บข้อมูลไป รวมไปรวมมาบางทีหาต้นเรื่องไม่เจอค่ะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุกรีวิวจริงๆ นะคะ ที่มาแบ่งปันกันค่ะ
ปล.5 ค่าใช้จ่ายสรุปแต่ละวัน เตยพยายามใส่ละเอียดที่สุด แต่ก็อาจจะมีตกหล่นไปบ้าง ถือว่าเป็นไกด์คร่าวๆ ละกันนะคะ
เริ่มจากส่วนที่เตรียมจองและซื้อก่อนเดินทางนะคะ
ตั๋วเครื่องบิน : เงื่อนไขคือ ขอบินตรงไม่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ไหนค่ะ ตอนนั้นพยายามหาโปรโมชั่นจากหลายๆ สายการบิน แต่ยังไม่มีออกมาเลย จนช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ก็มีโปรโมชั่นของการบินไทยออกมาค่ะ ได้ราคาชั้นประหยัดคนละ 16,750 บาท โดยไม่มีราคาเด็กนะคะ ของน้องอณิก็ราคาเดียวกัน และ Flight ที่ออกเดินทางจะเลือกแบบเดินทางกลางคืนถึงโตเกียวเช้าไม่ได้ค่ะ เลือกได้เป็นช่วงเดินทางเช้าถึงบ่าย ก็เลยตามนั้นค่ะ ออกเดินทางเช้าวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม เวลา 8.00น. TG676 เครื่องบิน Airbus Industrie A380
ที่พัก : ที่พักหลักขอใกล้สถานีรถไฟ รถบัส เท่านั้น เพื่อการเดินทางที่สะดวกและประหยัดเวลาค่ะ เนื่องจากมีเด็กเล็กมาด้วย เตยเลือกโรงแรม กลางๆ โดยไม่ได้ตั้งใจว่าต้องประหยัดในส่วนนี้เท่าไหร่ เลยจิ้มมาที่ชินจูกุค่ะ เลือกระหว่าง Shinjuku Prince Hotel กับ Kadoya Hotel ค่ะ มาจบที่ Kadoya Hotel ด้วยเหตุผลว่า ใกล้รถไฟ JR / ใกล้ท่ารถบัสในการเดินทางไปกลับคาวากุจิโกะ/ใกล้ลีมูซีนบัสไปสนามบิน / มี Lawson (ร้านสะดวกซื้อ) ติดกับโรงแรม ราคาของห้องพักที่นี่ประมาณ 4,000+ ถึง 5,000+ แล้วแต่ชนิดของห้องพัก (type ห้องพัก Double Standard / Double Comfort) ค่ะ … เตยจองตรงกับเวปโรงแรมตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.kadoya-hotel.co.jp/eng/
การเดินทางในญี่ปุ่น : เตยไม่ได้ซื้อเป็นตั๋ว JR Pass ไปนะคะ เพราะดูๆ แล้วน่าจะไม่คุ้มเท่าไหร่ เพราะเตยไม่ได้เดินทางข้ามเมืองโดยรถไฟชินคันเซน และที่แพลนไว้หลายๆอันเพื่อความสะดวกของน้องอณิ เราเลือกนั่งรถบัสค่ะ เลยไปซื้อบัตร Suica ซึ่งเป็นบัตรเติมเงินของที่ญี่ปุ่นไว้ใช้เพื่อความสะดวกในการเดินทางแทนค่ะ
Pocket Wifi : หาข้อมูลเรื่อง Pocket Wifi อยู่เยอะพอสมควรจนมึน สุดท้ายถามเพื่อนที่พึ่งไปว่าเค้าใช้ของอะไรเป็นยังไงมั่ง เค้าก็แนะนำ Samurai Wifi ว่าใช้แล้วโอเคเลย ซึ่งพอมาเช็คข้อมูลก็เจอว่าก่อนหน้านี้มีปัญหาพอสมควร เลยเกรงเล็กน้อยค่ะ แต่พอไล่เช็คไปเรื่อยๆ ก็เจอว่าผู้บริหารออกมาชี้แจงกรณีปัญที่เกิดขึ้นแล้ว บวกกับเพื่อนแนะนำจริงๆ เตยก็เลยตัดสินใจใช้ของที่นี่ค่ะ เตยใส่คำชี้แจงไว้เผื่อไว้เป็นข้อมูลให้คนที่สนใจนะคะ
พอได้เครื่องมาปั๊บ ก็เช็คเลยค่ะ ว่าเครื่องที่ได้มาเป็นเครื่องรุ่นอะไร
ได้มาเป็น GL06P ซึ่งเป็นเครื่องที่ได้มีการชี้แจงว่าไม่ใช่รุ่นที่เกิดปัญหา .. ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ ราคาที่จ่ายไปสำหรับ 10 วัน เตยเลือกแบบรวมประกัน แต่ไม่เช่า Powerbank นะคะ อยู่ที่ 2,200 บาทค่ะ (แต่ถ้าใครคิดว่ารักษาได้อย่างดีจริงๆ ไม่ต้องซื้อแบบมีประกันก็ได้ค่ะ) ระบุวันให้มาส่งก่อนวันเดินทาง 2 วัน และมารับกลับหลังกลับมา 1 วัน ในกทม. ค่ะ มาตรงเวลามากๆ จ่ายเป็นเงินสดวันที่เค้ามาส่งเครื่องค่ะ
จากที่ใช้มาถือว่าโอเคมากๆ เลยค่ะ สัญญาณดีแทบจะทุกที่ ยกเว้นเวลารถไฟลอดอุโมงค์นิดหน่อย และก็มีต้อง reset บ้าง 1-2 ครั้ง ในแต่ละวัน แบตเตอรี่ก็อยู่ได้นานหลายชั่วโมงค่ะ ถ้าชาร์ตเต็ม อยู่ได้ตั้งแต่เช้าตรู่ยันค่ำๆ .. โดยรวมประทับใจค่ะ … ดูรายละเอียดตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.bs-mobile.jp/th/
การจองบัตรต่างๆ ที่สามารถจองก่อนได้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง : บัตร+ตั๋วต่างๆ ที่เตยเตรียมซื้อก่อนตั้งแต่อยู่ที่ไทยเลยก็มี บัตรเข้า Ghibli Museum / บัตรเข้า Sanrio Puroland / บัตรเข้า Tokyo Disney / ตั๋วรถไฟ Romance Car ไปฮาโกเน่ /จองรถบัสกลับจากคาวากุจิโกะมาชินจูกุ .. ยังไงในส่วนนี้เตยจะลงรายละเอียดในแต่ละวันที่ไปละกันนะคะ จะได้ไม่งง ^^
เสื้อผ้าของน้องอณิ : เนื่องจากช่วงที่จะไปเป็นช่วงเข้าฤดูหนาวของที่ญี่ปุ่น จากการที่เช็คอากาศก็จะอยู่ในช่วงเลขตัวเดียวแต่ไม่ถึงกับติดลบ ทริปนี้เป็นทริปแรกของน้องอณิที่จะไปช่วงอากาศหนาว การเตรียมเสื้อผ้าเลยต้องเน้นเป็นพิเศษหน่อย จากการที่นั่งคิดมา เตยสรุปมาว่าแต่ละวัน น้องอณิจะต้องใส่ประมาณนี้
1.เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว Heat Tech ของ Uniqlo
2.เสื้อแขนยาวผ้าฟลีท Heat Tech ของ Uniqlo 1 ชั้น + เสื้อแขนยาวอีก 1 ชั้น
3.เลกกิ้งแบบหนา 1 ชั้น + กางเกงหรือเลกกิ้งอีก 1 ชั้น
4.เสื้อโค้ท
5.ถุงเท้าแบบ Heat Tech ของ Uniqlo หรือ ถุงเท้าขนวูลแบบหนา (อันนี้ลองสลับกัน แล้วคาดว่าน้องอณิไม่รู้สึกแตกต่างค่ะ)
6.รองเท้าบู๊ทกันหนาว อันนี้สอยของ H&M มาค่ะ ใส่สบาย ไม่แพงมาก ใช้ทั้งทริป คุ้มค่ะ
7.ถ้าหนาวมากๆ มีเสื้อกั๊กติดไว้เผื่อใส่อีก 1 ชั้น
แต่ละวันเตยจะทำแพลนไว้เลยค่ะ ว่าวันไหนใส่ชุดไหนจับคู่เอาไว้เลย เวลาไปที่นู่นเราจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดค่ะ แค่ดูรูปแล้วเตรียมได้เลย
ประมาณนี้ค่ะ (ตามจริงก็ทำทั้งของลูกทั้งของตัวเองค่ะ ไปถึงไม่ต้องคิด ง่ายดีค่ะ)
รถเข็นน้องอณิ : เนื่องจากรอบที่แล้วไป สัมภาระต่างๆ มีประเด็นพอสมควร เพราะมันมีหลายช่วงที่ต้องยกขึ้นลงบันได จริงๆที่ญี่ปุ่นการเดินทางค่อนข้างสะดวก มีลิฟท์หรือทางลาดเกือบทุกที แต่บางทีการเดินไปหาทางที่ไปได้ก็อ้อม หรือหาไม่เจอ บางครั้งรีบก็จำเป็นต้องแบกกันค่ะ แต่คราวที่แล้วยังดีที่ไปกันหลายคน เลยมีคนช่วยๆกัน .. คราวนี้เราไปกันแค่ 3 คน พ่อแม่ลูก เลยต้องพยายามให้คล่องตัวมากที่สุดค่ะ คราวนี้เตยเลยหารถเข็นแบบก้านร่ม ที่เบาแต่แข็งแรง ไม่พังระหว่างทาง มีที่ใส่ของ ที่จับแขวนของได้บ้าง พับง่าย แบกง่าย .. มาจบที่รถเข็นก้านร่ม Maclaren รุ่น Volo ค่ะ น้ำหนักประมาณ 4 กก. สามารถพับแล้วสะพายขึ้นบ่าได้ค่ะ … ขอยืมรูปจากเวปมาแปะนะคะ
และก็ที่ลืมไม่ได้เลยคือพลาสติกคลุมรถเข็น กันลมกันฝนค่ะ ช่วยได้มากระหว่างเดินทางค่ะ
อุปกรณ์อื่นๆ พวกครีม ยาต่างๆ ก็เตรียมไปให้พร้อมค่ะ อากาศหนาวป่วยง่าย .. หลักๆ ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ ขยายหลอดลม ลดน้ำมูก แก้ปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ วิก พลาสเตอร์ ยาฆ่าเชื้อ ฯลฯ
รวมค่าใช้จ่าย ตั๋วเครื่องบิน , ที่พักที่โตเกียว, ที่พักที่ คาวากูชิโกะ , Pocket Wifi
1. Thai Airways International ไปกลับ 16750 บาท x3 =50,250 บาท
2. ที่พักที่โตเกียว Kadoya Hotel 8 คืน 16,324.16 (4คืน) + 8,453.48 (2คืน) +9,861 (2คืน) = 34,638.64 บาท (อันนี้ตัดบัตรเครดิตหลังเราเข้าพักแล้วค่ะ)
3. ที่พักที่คาวากุจิโกะ Sunnide Resort 1 คืน 15,600 บาท (ตัดบัตรเครดิตตอนที่จองเลยค่ะ)
4. Samurai Pocket Wifi 2,200 บาท
รวม 102,688.64 บาท
********************************************************************************************************************
ค่าใช้จ่ายทั้งทริป 9 คืน (นอนโตเกียว,ชินจูกุ 8 คืน + นอนคาวากุจิโกะ 1 คืน)
ขอสรุปรวมค่าใช้จ่ายทั้งทริปคร่าวๆ สำหรับ 2 คน (เฉลี่ยของน้องอณิมาให้พ่อแม่ไปเลย) แบ่งเป็นหมวดๆ นะคะ ไม่รวม shopping (คิดเป็นเงินไทยบาท อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ 29 บาท / 100 เยน)
1. Thai Airways International ไปกลับ 16750 บาท x3 =50,250 บาท
2. ค่าเดินทางทั้งทริป 18,702.31 บาท
3. ค่าที่พัก 50,238.64 บาท
4. ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงค่าเล่นของเล่นที่ต้องจ่ายเพิ่มบางอย่าง 18,742.94 บาท
5. ค่ากิน 17,693.48 บาท
6. ค่า Pocket wifi 2,200 บาท
7. จิปาถะ 3,876.43 บาท
รวมทั้งหมด 161,703.80 บาท (คิดเป็นต่อคนประมาณ 80,851.90 บาท สำหรับทริป 9 คืน ค่ะ)
***********************************************************************************************************************
